ศาลพิพากษา จำคุก เบนจา อะปัญ ผิด ม.112 จำคุก 3 ปี คดี พรก.ฉุกเฉิน 1 ปี ปราศรัยคาร์ม็อบไล่ประยุทธ์
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2566 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1974/2564 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ ฟ้อง น.ส.เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นจำเลย กระทำความผิดมาตรา 112 กรณีที่ น.ส.เบนจา ได้ปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64
โดย น.ส.เบนจา กล่าวว่า กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และเดินหน้าสู้ต่อไป คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อย ๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ซึ่งแม้เราจะมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี ม.112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า ที่ในวันนี้เป็นคดีสะสมสำหรับหลาย ๆ คน รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ
การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม ส่วนตอนนี้ตนมีคดีที่รอการพิพากษาอยู่ 8 คดี เป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ได้รับการปล่อยตัว ตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อ เพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยปราศรัยชัดว่าเป็นการหมิ่นประมาทล่วงเกิน การเบิกความของจำเลยไม่ได้ทำให้เห็นว่ามีเจตนากล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงรัฐบาลอย่างไร ลงโทษ ตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ส่วนข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท รวมเป็น 4 ปี ปรับ 12,000 บาท
แต่ศาลให้ลดโทษ 1 ใน 3 เพราะจำเลยให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุกรวมทั้งสิ้น 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังอยู่ระหว่างเรียน ป.ตรี ขณะกระทำผิดมีอายุเพียง 21 ปีเศษ ถือเป็นการกระทำผิดโดยขาดวุฒิภาวะ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี