นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ สั่งด่วนวันนี้ ถึงทุกจังหวัด ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ตรงกับ วันออกพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และพี่น้องประชาชนในแต่ละภูมิภาคจะเดินทางไปร่วมประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาตามคติความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี และร่วมเฉลิมฉลอง รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมอันดีงามตามวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ เช่น ประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า โดยประเพณีสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและพี่น้องชาวปักษ์ใต้ ก็จะมีการร่วมกันจัดทำพุ่มผ้าป่าบริเวณหน้าอาคารบ้านเรือน สถาบันการศึกษา สถานที่ราชการ ทั้งมีการชักลากรถพนมพระที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญบนบุษบกออกจากวัดวาอารามมากกว่า 100 วัด
เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา รวมถึงประเพณีไหลเรือไฟ ที่เป็นประเพณีสำคัญของจังหวัดนครพนมและพี่น้องประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะมีการจัดทำเรือไฟด้วยโครงไม้ไผ่ออกเเบบเป็นรูปต่าง ๆ โดยศิลปินเรือไฟ เเล้วจุดไฟตามรูปที่ออกเเบบไว้ เเล้วนำมาลอยในคืนวันออกพรรษา และการปล่อยกระทงสาย พิธีรำบูชาพระธาตุพนมและการไหลเรือไฟ เพื่อบูชารอยพระพุทธบาท การสักการะท้าวพกาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา ซึ่งจะมีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางไปร่วมชมและอนุโมทนาบุญเป็นจำนวนมาก และในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ก็จะมีการร่วมกันจัดเตรียมพิธีทำบุญตักบาตรเทโว ทั้งการตักบาตรดอกไม้ ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ของคาวหวาน เนื่องในวันออกพรรษา เป็นต้น ซึ่งจะมีพี่น้องประชาชนทั้งในจังหวัดและทั่วทุกสารทิศไปร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ทั้งนี้ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันออกพรรษา ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมดูแลสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะคล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งผู้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะคล้ายกับสถานบริการ โรงแรม และสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม งดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 โดยหากมีผู้ประกอบการหรือประชาชนฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"กระทรวงมหาดไทยยังได้กำชับให้ทุกจังหวัดบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดกวดขันให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ กฎหมายโรงแรม กฎหมายว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยหากพบว่ามีการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัดทั้งอาญาและทางปกครอง" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม