ดับฝันแจกเงินดิจิทัล คน 2 กลุ่มนี้หมดสิทธิ์ได้เงิน 10,000 เช็กด่วน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ได้เห็นชอบแนวทาง และกรอบข้อเสนอการทำโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ท เพื่อเสนอคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในสัปดาห์หน้า เพื่อนัดประชุมให้ความเห็นชอบต่อไป โดยกรอบเบื้องต้นจะไม่เสนอให้แจกเงินดิจิทัลแก่คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปที่มีกว่า 54 ล้านคนแบบถ้วนหน้าแล้ว หลังได้รับฟังข้อคิดเห็นหลายฝ่าย แต่จะให้ใช้เกณฑ์รายได้เข้ามาพิจารณาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกจะไม่แจกคนที่เงินเดือนเกิน 25,000 บาท และหรือมีบัญชีเงินฝาก 1 แสนบาท ซึ่งมีอยู่ 43 ล้านคน ใช้งบ 4.3 แสนล้านบาท
กลุ่มสอง จะไม่แจกคนที่เงินเดือนเกิน 50,000 บาท และหรือมีบัญชีเงินฝาก 5 แสนบาท ซึ่งมีอยู่ 49 ล้านคน ใช้งบ 4.9 แสนล้านบาท และกลุ่มสุดท้ายแจกเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการที่มี 15 ล้านคน ซึ่งจะใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 แนวทางนี้จะต้องรอคณะกรรมการชุดใหญ่เลือกอีกครั้งว่าจะเลือกให้กับกลุ่มคนใด
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะเสนอให้ชุดใหญ่เห็นชอบถึงแหล่งเงินที่ใช้ทำโครงการ ซึ่งความตั้งใจแรกอยากจะใช้เงินจากงบประมาณเป็นหลัก จึงเสนอให้จัดทำงบประมาณแบบผูกพัน 4 ปี เพื่อใช้ทำโครงการเงินดิจิทัล ดังนั้น การเริ่มแจกเงินดิจิทัล มีแนวโน้มจะต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือนเม.ย.-พ.ค.66 ไม่ทันกรอบเดิมที่ตั้งไว้ 1 ก.พ. เนื่องจากต้องรอให้งบประมาณปี 67 เสร็จและเริ่มใช้ได้ก่อน ส่วนข้อเสนอใช้เงิน ม.28 กับธนาคารออมสิน คงไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะติดขัดข้อกฎหมายเรื่องกรอบอำนาจหน้าที่
การกู้เงินคงเลือกเป็นวิธีท้ายๆ โดยการใช้งบผูกพัน ข้อดีคือจะไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะ เพราะจะมีแบ่งใช้งบไปเรื่อยๆ 4 ปี แต่อาจทำให้เกิดประเด็นเรื่องการนำเงินดิจิทัลถอนออกมาเป็นเงินสด จะต้องทยอยทำนานถึง 4 ปีตามงบที่ผูกพันไว้ถึงจะถอนได้หมด ซึ่งเรื่องนี้จะมีเขียนในเงื่อนไขที่ชัดเจนก่อนโครงการออกมา โดยใครถอนออกมาช้าก็จะได้ประโยชน์เพิ่มเติม เป็นต้น ส่วนเงื่อนไขใช้เงินรอบแรก จะต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน ใครใช้ไม่ทันจะคืนหลวง
ส่วนเรื่องที่มีความชัดเจนแล้ว จะมีการขยายเกณฑ์รัศมีการใช้เงินใน 4 กม.เป็นแบบอำเภอ ส่วนร้านที่เข้าร่วมจะต้องอยู่ในระบบภาษีอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคล หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล ขณะที่เรื่องระบบดูแลจะให้ธนาคารกรุงไทยเป็นคนจัดวางระบบขึ้นมาใหม่เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่จะไม่ใช้แอพฯ เป๋าตัง ซึ่งยืนยันว่าจะใช้งบประมาณไม่มากอย่างที่เป็นข่าวถึง 1.2 หมื่นล้านแน่นอน