หนุ่มหนีเอารอดชีวิตจากอิสราเอล ยอมรับกลับไทยทำชีวิตลำบากขึ้น หากมีโอกาสก็จะกลับไป
หลังจากเกิดภาวะสงครามที่ประเทศอิสราเอล หนึ่งในแรงงานที่เดินกลับมายังประเทศไทย ก็ได้เล่าความเป็นอยู่ที่ยากลำบากกว่าเดินของตนเอง โดยนายถาวร อายุ 38 ปี ขณะนี้อาศัยอยู่ที่ ต.บ้านกง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ได้เล่าว่า ไปทำงานอยู่ที่เมือง OFAGIM (โอฟากิม) ซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางตอนล่างของประเทศอิสราเอล
ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมาผ่านกระทรวงแรงงาน โดยทำงานภาคการเกษตร ซึ่งในการเดินทางไปทำงานนั้นได้ ใช้เงินเก็บที่มีอยู่และเงินที่ยืมจากญาติพี่น้องเป็นค่าประสานงานและค่าเดินทาง โดยได้รับเงินเดือนอยู่ที่อิสราเอลเฉลี่ย 55,000 บาทต่อเดือน ได้ส่งเงินกลับมาที่บ้านเพื่อใช้หนี้และเป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัวเดือนละประมาณ 30,000 บาท
จนกระทั่งวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสู้รบกันขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากจุดที่เขาอยู่นั้นเป็นพื้นที่กึ่งกลางการสู้รบ ทำให้ตัดสินใจขอกลับไทยและเข้าสู่ขั้นตอนตามที่กระทรวงการต่างประเทศกำหนด และเดินทางถึงไทย เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว แม้ว่าในช่วงแรกจะไม่อยากกลับเพราะยังมีภาระหนี้สินคงค้างอยู่เกือบ 500,000 บาท ทั้งค่าผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายในครอบครัว
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกะทันหันจนตั้งตัวไม่ทันว่าจะทำอย่างไรต่อไป อาจจะหารับจ้างทั่วไปให้พอมีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างกลับเมืองไทย หากมีโอกาสจะเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแน่นอน เพราะภาระค่าใช้จ่ายยังมีอีก สิ่งที่คาดหวังตอนนี้คืออยากให้เหตุการณ์สู้รบสงบโดยเร็ว เพราะจะได้เดินทางไปทำงานอีก ซึ่งอยากให้ทางราชการช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับไปทำงาน
ขณะที่ นายอนันท์ อายุ 65 ปี บิดานายถาวร กล่าวว่า เมื่อลูกได้มีโอกาสเดินทางไปทำงานต่างประเทศก็มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวก็รู้สึกดีใจ เมื่อตนแก่ชราลง ลูกเลยขอให้เลิกอาชีพบอกจะหาเลี้ยงเอง แต่ไปได้พียง 7 เดือน ก็ต้องเดินทางกลับมา ซึ่งครอบครัวทุกคนอยากให้กลับไทยเพราะกังวลเกรงว่าจะได้รับอันตราย จากนี้ไปคงต้องช่วยกันหางานรับจ้างเพื่อให้มีรายได้เท่าที่ทำได้