ตำรวจว่าไง! หนุ่มสุดซวย ไปแจ้งความ แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาเองซะงั้น
เรียกว่าเป็นเรื่องราวสุดงงงวย เมื่อหนุ่มใหญ่สุดซวย ทำงานอยู่ดี ๆ กลับถูกบริษัทไล่ออกจากงาน เนื่องจากบริษัทต้นสังกัดของเขาตรวจพบว่า หนุ่มใหญ่รายนี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวถึงกลับงง เพราะว่าในชีวิตไม่เคยไปขโมยของใคร แถมเมื่อปี 2564 ตัวของเขาไปแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ แต่ตำรวจดันทำผิดพลาด เอาเลขบัตรประชาชน 13 หลักของตนเองไปใส่ในชื่อผู้ต้องหา
โดย ปัญญา บุญณรงค์ ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2564 มีนักศึกษาฝึกงานมาฝึกงาน จากนั้นเด็กฝึกงานคนนี้ได้ขโมยของบริษัทไป เป็นชิ้นส่วนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 23 ชิ้น แล้วก็หนีไป ตนเองจึงได้รับมอบอำนาจจากบริษัทให้ไปแจ้งความเอาผิดกับนักศึกษารายนี้ ที่ สภ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยุธยา
หลังจากแจ้งความเสร็จแล้ว ตนเองก็ทำงานตามปกติ แต่มาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพนักงานทุกคน ไปพบว่าตนเองมีประวัติถูกแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ ตนเองก็ปฏิเสธไปว่าไม่เคยไปก่อนคดีที่ไหน และไม่เคยไปขโมยของใคร แต่บริษัทไม่ฟัง ไล่ตนเองออกจากงานทันที
ต่อมา ตนเองได้ไปติดต่อที่ สภ.บางปะอิน เพราะอยากรู้ว่า ประวัติที่ตนเองถูกแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ปรากฎว่า เป็นการทำผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีที่ตนเองได้รับมอบอำนาจจากบริษัทไปแจ้งความข้อหาลักทรัพย์กับเด็กฝึกงานที่ขโมยของบริษัทในปี 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่เลข 13 หลักในบัตรประชาชนของตนเอง สลับกับชื่อนักศึกษาที่ฝึกงานที่ขโมยของไป ทำให้ชื่อตนเองกลายเป็นชื่อผู้ต้องหาแทน
เรียบเรียง siamnews