หดหู่ใจ เศรษฐา ประกาศข่าวร้ายอีกถึงครั้งสถานการณ์ในอิสราเอล
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 18 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนรัฐ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอล ว่า มีรายงานคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 30 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บและตัวประกันยังมีตัวเลขเท่าเดิม ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ได้พบปะกับ นายอันโตนิโอ กุเตอเรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) และผู้นำหลายประเทศ ระหว่างงานเลี้ยงรับรองที่ นายสี จิ้นผิงประธานาธิบดีจีน เป็นเจ้าภาพ ซึ่งทุกคนแสดงความห่วงใยกับสถานการณ์ที่อิสราเอล และทุกคนมั่นใจว่าสถานการณ์จะเคลื่อนไปในทิศทางที่เลวร้ายลง ซึ่งตนได้แจ้งกับเลขาธิการยูเอ็นว่า ไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง แต่กลับเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็นแสดงความตกใจ และแสดงความเห็นใจประเทศไทย ขณะเดียวกันผู้นำหลายประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็พยายามเดินทางเข้าไปเจรจา ล่าสุด นายโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เตรียมเข้าไป เช่นเดียวกับประเทศอียิปต์ก็มีส่วนร่วมในการช่วยเจรจา
นายกฯ ยังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยกลับประเทศด้วยว่า ปัจจุบันสามารถนำตัวคนไทยออกมาได้เฉลี่ย400 คนต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนการกลับไทยเพิ่มขึ้นวันละ 600 คน ดังนั้น ความจำเป็นในการนำเครื่องบิน A380 ซึ่งสามารถรองรับได้เที่ยวละ 500-600 คน ก็น้อยลง เนื่องจากไม่สามารถนำคนมารวมกันได้เยอะเพราะสถานที่ไม่สามารถรองรับได้ ตนมั่นใจว่าจะสามารถรับคนไทยที่แจ้งความประสงค์เดินทางกลับได้หมดภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า หากสถานการณ์การสู้รบของทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่ จะทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้น เป็นภาระของรัฐบาลที่จะต้องนำคนไทยออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ฝ่ายค้านมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)ก็พยายามติดต่อประสานเพื่อนำคนไทยออกมาให้ได้เร็วและปลอดภัยที่สุด แต่การลำเลียงคนออกจากพื้นที่สีแดงไม่ใช่ทำได้ตลอดเวลา ต้องดูเรื่องเวลาด้วย ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามเจรจาและดำเนินการหลายๆอย่าง
ผมอยากให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจ เร่งตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับ เพราะความเสี่ยงอยู่ที่ตัวท่าน ส่วนหน้าที่ของรัฐบาลหากท่านแสดงความจำนงค์ว่าจะกลับ เป็นหน้าที่เราที่ต้องทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อลำเลียงคนออกมาให้เร็วและปลอดภัยที่สุดและวันที่ 18 ตุลาคม กระทรวงการต่างประเทศ จะประสานไปที่สถานเอกอัครราชทูต เพื่อตรวจสอบจำนวนเที่ยวบินว่ามีเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องนำคนไทยไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก่อนบินกลับประเทศ นายเศรษฐากล่าว