เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ได้โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ วรงค์ เดชกิจวิกรม – Warong Dechgitvigrom ระบุว่า เราพร้อมยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อระงับโครงการดิจิทัล 10,000 บาท วันที่ 18 ตุลาคม 10.30 น. ที่ สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการ นอกจากนี้ยังระบุ เพิ่มเติมว่า ขอเชิญพี่น้องที่ต้องการมีส่วนร่วม เพื่อยับยั้งความเสียหายของประเทศ จากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทครั้งนี้

มาร่วมลงชื่อได้ที่หน้างาน บริเวณอาคาร สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการ เวลา 10.30 น. วันพุธที่ 18 ตุลาคมนี้ครับ หลายท่านสนใจร่วมลงชื่อออนไลน์ ต้องขอโทษด้วยครับ รายชื่อที่ส่งต้องลงจริงครับ แต่ไม่เป็นไรครับ แค่ส่งกำลังใจก็ได้ครับ หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พร้อมที่จะร่วมลงชื่อคัดค้าน นอกจากนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ไลฟ์สดพูดถึงเรื่องเงินดิจิทัล ตอนหนึ่งระบุว่า นายกฯ มาเยี่ยมพิษณุโลกบ้านผม มาเยี่ยมดีๆ ไม่ว่า แต่มาปลุกระดมเรื่องเงินดิจิทัล ผมมองว่า เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาปลุกระดมพี่น้องประชาชนมันแปลกๆ

คำพูดของนายกฯ ที่มาพิษณุโลกบ้านผม มาคุยพี่น้องประชาชนว่าอยากได้มั้ย พูดตรงๆ เงินใครไม่อยากได้ แต่ทำไมไม่บอกให้ชัดเจนว่า 5.6 แสนล้าน เอาเงินมาจากไหน กู้มาหรือไม่ ต้องพูดความจริงให้ประชาชนฟังสิ พูดทั้งผลดี และผลเสียให้ประชาชนฟัง คุณเศรษฐาพูดแบบนี้ เหมือนตอนที่คุณยิ่งลักษณ์พูดถึงเรื่องโครงการจำนำข้าว ที่บอกว่าช่วยชาวนาเถอะค่ะ พูดตัวเลขต่างๆ ที่ชาวนาจะได้เงินเท่าไหร่ ผลสุดท้ายเป็นยังไง วันนี้ชาวนาก็ยังไม่รวย

ถ้าคนรับรู้ผลที่ตามมาว่าผลเสียจะมากกว่าผลดี ผมว่าคนเขารักษาและเป็นห่วงชาติบ้านเมืองมากกว่า เพราะคุณพูดไม่หมด ประโยคที่คุณเศรษฐาพูดว่า ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วย ไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการ ผมถามว่าใครจะมายับยั้งโครงการของคุณได้ การที่พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่มั่นใจในโครงการของคุณเอง และโครงการของคุณมีความเสี่ยง คุณจะหาแพะรับบาปหรือไม่ ขณะนี้คุณเป็นรัฐบาล มีอำนาจเต็มที่ ถ้าสามารถชี้แจงถึงผลดีมากกว่าผลเสีย ถ้าสามารถชี้แจงแหล่งของเงินต่างๆ ได้ ชี้แจงกระบวนการทุจริตได้ ไม่ต้องกังวล เริ่มได้เลย แต่การที่พูดแบบนี้เหมือนกับปลุกระดม ใครที่ไม่มีเหตุผลกันแน่ คิดไม่ถึงว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีวุฒิภาวะมีเพียงเท่านี้เองหรือ?