วานนี้ (13 ตุลาคม 2566) ได้เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงไฟชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ บริเวณสี่แยกป้อมจราจรสายกำแพงเพชร-พิจิตร ตรงกลางสี่แยกมุ่งหน้าไปสะพานราชภัฎ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่าฟีโน่ สีเทาจอดอยู่และมีผ้าคลุมร่างผู้เสียชีวิตไว้ที่กลางถนน ใกล้กับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นส่วนท่อนบนของมนุษย์ตั้งแต่ศรีษะถึงเอว ห่างออกไป 10 เมตร มีชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ส่วนเอวถึงปลายขา

นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์ หมวกกันน็อค ของผู้เสียชีวิตตกอยู่ที่ท้ายรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุ รวมทะเงกระเป๋าสะพายผู้หญิงห่างจากร่างผู้เสียชีวิตประมาณ 3 เมตร ภายหลังทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อนางสาวชลธิชา อายุ 17 ปี อยู่ในพื้นที่ อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ส่วนรถบรรทุกพ่วงคู่กรณี ที่กระบะด้านท้ายบรรทุกหิน ได้จอดชิดขอบริมทางเลยห่างออกไปประมาณ 150 เมตร ภายหลังทราบชื่อโชเฟอร์รถพ่วง คือ นายอู๊ด อายุ 66 ปี อยู่ในพื้นที่ ต.ป่ามะขคาบ จ.พิจิตร

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตู้สายตรวจจราจรที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุพบว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกพ่วงคันแรกวิ่งฝ่าสัญญาณไฟไปเป็นสัญญาณไฟสีเขียวและพอรถพ่วงผ่านสัญญาณไฟสีเขียวก็ตัดเป็นไฟแดง และเป็นช่วงที่รถพ่วงคันก่อเหตุที่ขับตามกันมาด้วยความเร็ว ได้ใช้โอกาสนี้ตามรถพ่วงคันหน้าไป

ด้านผู้เสียชีวิตที่ขับรถจักรยานยนต์รอสัญญาณจราจร เมื่อเห็นสัญญาณไฟเขียวได้เร่งเครื่องออกจากจุดจอดทันที จนรถจักรยานยนต์ชนเข้าล้อหลังของรถพ่วงเต็ม ๆ ทำให้ร่างของผู้เสียชีวิตเข้าไปอยู่ใต้ล้อรถ ก่อนถูกล้อหลังของตัวพ่วงทับร่างจนขาดออกเป็น 2 ท่อน แล้วลากเอาส่วนเอวของผู้เสียชีวิตติดไปด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หวาดเสียวน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

จากนี้สอบสวนของเจ้าหน้าที่สอบสวน โชเฟอร์รถพ่วงได้เปิดเผยว่า ตนขับรถบรรทุกหินมาจากอำเภอพานกระต่ายมาถึงสี่แยกสัญญาณไฟแดงจุดที่เกิดเหตุระหว่างนั้นช่องทางเดินรถของตนเป็นไฟสีเหลืองจึงเร่งเครื่องยนต์ส่งความเร็วให้รถพ้นจากสัญญาณไฟระหว่างนั้นก็เห็นรถจักรยานยนต์คู่กรณีเร่งเครื่องยนต์ส่งรถออกจากจุดจอดแล้วก็มาชนที่ตัวพ่วงของรถตน

ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่าโชเฟอร์รายนี้เพิ่งจะเข้ามาอยู่บริษัทแห่งใหม่โดยออกจากที่ทำงานเดิมมาประมาณสี่ห้าวันแล้ว เพิ่งเข้าบรรจุเป็นพนักงานขับรถบรรทุกบริษัทนี้ได้เพียงสองวันก็ขับรถมาประสบอุบัติเหตุ หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้คิดหนีไปไหนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป