สุดาวรรณ เล็งขอแบ่งแจกเงินหมื่นใช้เที่ยวได้ด้วย กันเงิน 3,000 ไว้เที่ยว อีก 7,000 นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการประกาศยืนยันแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรอสรุปความชัดเจนเรื่องเงื่อนไขนั้น มีผู้เสนอแนวคิดและการปรับเงื่อนไขว่าจะสามารถนำเงินดิจิทัลบางส่วนใช้จ่ายด้านการเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยหรือไม่ อาทิ กันเงินดิจิทัล 3,000 บาทใช้จ่ายในการท่องเที่ยวได้ ส่วนอีก 7,000 บาทนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าอย่างอื่นได้ตามที่กำหนดไว้
ซึ่งจะเลือกใช้เที่ยวแบบเต็มวงเงิน หรือใช้จ่ายอย่างอื่นให้ครบ 10,000 บาท ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนผู้ใช้เงินนั้น โดยขณะนี้แนวคิดดังกล่าวยังต้องหารือร่วมกับรัฐบาล เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมยื่นของบกลาง 600 ล้านบาท เพื่อนำไปทำการตลาด ประชาสัมพันธ์ และจัดอีเวนต์งานเทศกาล กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศในช่วงไฮซีซั่นนี้ผ่าน 4 โครงการ ได้แก่ 1. อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ พาสปอร์ต พริวิเลจส์ (Amazing Thailand Passport Privileges) งบประมาณ 150 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับคือการรับรู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของการช้อปปิ้งเพิ่มขึ้น
และขยายลูกค้าใหม่จากตลาดต่างประเทศให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว 2.ไทยแลนด์ เฟสติวัล เอ็กซ์พีเรียนส์ (Thailand Festival Experience) ใน 5 ภาค งบประมาณ 200 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับ ก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 1,100 ล้านบาท 3.มาร์เก็ตติง แอนด์ พีอาร์ ฟอร์ซ-มูฟ (Marketing & PR Forced-move) งบประมาณ 150 ล้านบาท ผลที่คาดว่าจะได้รับจากตลาดทั่วโลกทุกทวีป 30,000 ล้านบาท และ 4.เดอะ ลิงก์ โลคอล ทู โกลบอล (The Link Local to Global) ก่อให้เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 560 ล้านบาท
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้ การกระตุ้นท่องเที่ยวไทย ยืนยันว่าจะมีมาตรการด้านวีซ่าเฟส 2 ออกมาอย่างแน่นอน โดยอาจจะเป็นการขยายวันพำนักในประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นนี้ แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตลาดเป้าหมาย เบื้องต้นยังระบุไม่ได้ว่ามีรายชื่อประเทศไหนบ้าง ต้องรอข้อสรุปอย่างเป็นทางการก่อนประกาศภายในเร็วๆ นี้ หลังจากรัฐบาลผลักดันมาตรการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าเฟส 1 อย่างวีซ่าฟรี เพื่อการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน เป็นระยะเวลาประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์หลังเกิดเหตุกราดยิงนั้น ประเมินเฉพาะตลาดจีน จากข้อมูลมีเข้ามาเที่ยวไทยตั้งแต่ต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 2.58 ล้านคน ยังไม่สามารถเทียบกับปี 2562 ที่มีเข้ามากว่า 11 ล้านคน ได้ ซึ่งผลตอบรับมาตรการวีซ่าฟรีที่ออกมาแล้ว ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ยังต้องรอประเมินตลาดนักท่องเที่ยวจีนหลังช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาววันชาติจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมาก่อน เพราะสถิติมีบางวันเดินทางเข้าไทยสูงถึง 1.8 หมื่นคนต่อวัน จากก่อนหน้านี้เดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 7,000 คนต่อวัน จึงต้องดูว่าจะชะลอการเดินทางเพราะเพิ่งผ่านโกลเด้นวีค หรือเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงหรือไม่
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ วางแผนกระตุ้นตลาดต่างชาติเพิ่มเติม อาทิ การทำโปรโมชั่น ทั้งกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว โดยอาจร่วมกับสายการบิน หรืออาจทำโปรโมชั่นกับนักท่องเที่ยวโดยตรง อย่างการแจกเวาเชอร์แก่นักท่องเที่ยว ที่ตอนนี้ก็พยายามคิดหลายๆ รูปแบบไว้ เพื่อมาเสริมกับมาตรการที่ออกไปแล้ว โดยเฉพาะวีซ่าฟรีที่นายกฯ มอบให้เหมือนเป็นโบนัสของท่องเที่ยวไทย เพียงแต่มาเจอเหตุกราดยิง ซึ่งเป็นจังหวะที่ไม่ดีมากนัก แต่จากการรับมือและเยียวยาผู้เสียชีวิต ตลาดจีนส่งเสียงมาถึงว่าพึ่งพอใจกับมาตรการของรัฐบาลไทยมาก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว