หนุ่มแสบแอบอ้างสํานักพระราชวัง ลวงเหยื่อกว่า 15 รายทั่วประเทศ ความเสียหายเกือบล้าน
กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เจ้าพนักงานตํารวจชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายจุฬาธิปกฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี สัญชาติไทย เพื่อดําเนินคดีในข้อหา “ปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม, โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เป็นการกระทําต่อบุคคลใดบุคคล หนึ่ง” ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1692/2566 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566
พร้อมด้วยของกลาง จํานวน 5 รายการ
1. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung note 20 ultra 5G จํานวน 1 เครื่อง 2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Oppo จํานวน 1 เครื่อง
3. นาฬิกายี่ห้อ Samsung galaxy watch 3 จํานวน 1 เครื่อง
4. กระเป๋าสตางค์ ลาย Supreme สีแดง จํานวน 1 ใบ
5. บัตรบริการเงินด่วน ธนาคารกสิกรไทย จํานวน 1 ใบ
จับกุม บริเวณฝ่ายพิธีการเข้าเมือง ชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตําบลหนองปรือ อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจํานวนหลายรายถูกหลอกลวงโดยคนร้ายซึ่งปกปิดตัวตน แอบอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จากสํานักพระราชวัง โดยมีการใช้ไลน์ชื่อ "ฬ.จุฬา", "สํานักพระราชวัง", "wannachai apaiwongse" , "ศ.สถิตย์" , "กรมกิจการพิเศษ ๙๐๔" และ "Chakrabongse ๑๙๐๔" หลอกลวง
ผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร และร้านค้า โดยอ้างว่าจะพา VVIP ไปใช้บริการที่ร้าน แล้วเรียกเก็บ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าฉายพระรูป, ค่าเข็มที่ระลึก ฯลฯ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้คนร้ายจํานวน หลายราย
จากการตรวจสอบช่วงระหว่างวันที่ 23 มกราคม 2564 - 4 กรกฎาคม 2566 พบผู้เสียหายกว่า 15 ราย และมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อจํานวน 9 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงิน 908,949.01 บาท
จ้าหน้าที่ตํารวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ได้ดําเนินการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงนําข้อมูลแผนประทุษกรรมคดีก่อนหน้าที่มีลักษณะคล้ายกันมาทําการวิเคราะห์
จนสามารถระบุได้ว่าตัวคนร้ายผู้กระทําความผิดดังกล่าว คือ นายจุฬาธิปกฯ จากการสืบสวนพบว่า นายจุฬาธิปกฯ ได้หลบหนีไปประเทศพม่า จึงได้ดําเนินการประสานงานเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมตัวมา ดําเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางได้รับการประสาน จากทางประเทศเมียนมาร์ ผ่านทางเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ว่าทางเจ้าหน้าที่ตํารวจประเทศเมียนมาร์ได้พบตัว นายจุฬาธิปกฯ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายจุฬาธิปกฯ เป็นผู้ต้องหาของตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1692/2566 ลงวันที่ 31 พ.ค. 2566 และจะได้ทําการส่งตัว นายจุฬาธิปกฯ กลับมายังประเทศไทยเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2566 เวลาประมาณ 09.25 น. ชุดจับกุมได้รับการประสานว่านายจุฬาธิปกฯ จะเดินทางจากประเทศเมียนมาร์มายังประเทศไทย จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตํารวจ ตม.ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดไปตรวจสอบ จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น. พบบุคคลต้องสงสัย ลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงตามหมายจับ อยู่บริเวณฝ่ายพิธีการเข้าเมือง ชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัว พร้อมแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาดูและให้อ่าน เองจนเป็นที่พอใจจากการสอบถามผู้ถูกจับยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับจริงจงึได้ทํา การจับกุมแล้วนําตัวส่ง พงส.กก.2 บก.ป. เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบพบว่า ยังมีหมายจับในคดีอื่นอีกจํานวน 3 หมายจับ ดังนี้
1. หมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 337/2565 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทํา ความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนําเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เป็นการ กระทําต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง" ท้องที่ สภ.เมืองเชียงราย
2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 846/2564 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทํา ความผิดฐาน "นําเข้าสู่ระบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น“ ท้องที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่
3. หมายจับศาลอาญา ที่ 2952/2566 ลงวันที่ 8 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยโดยทุจริต หรือหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนขอให้ระมัดวัง อย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเป็น สํานักพระราชวัง หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ซึ่งจะมีการหลอกให้โอนเงินค่าดําเนินการ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ โดยอ้างว่า เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของหน่วยงานรัฐ จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงก่อนจะทําธุรกรรมทางการเงิน หรือดําเนินการใดๆก่อนทุกครั้ง
วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส