เมื่อวันที่12ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางนาแก้ว อายุ52ปี ในอำเภอเถิน จ.ลำปาง หลังจากทราบข่าวว่า ลูกชายชื่อนายดีม อายุ32ปี ได้ไปทำงานเป็นพนักงานขับรถ ทางการเกษตรที่ประเทศอิสราเอล อยู่ทางภาคใต้ติดกับประเทศจอร์แดน ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ตั้งแต่วันที่5ต.ค. ที่ผ่านมา ทางแม่ ได้พยายามติดต่อทางไลน์ ทักแชทข้อความอย่างต่อเนื่อง แต่ลูกชายไม่อ่าน ทำให้มีความกังวลใจเป็นอย่างมาก พยายามติดตามข้อมูลข่าวสารของกระทรวงแรงงานมาโดยตลอด จนล่าสุดตีห้าของวันที่11ต.ค. ที่ผ่านมา ได้รับข่าวร้ายจากเพื่อนของลูกชายที่ทำงานอยู่ใกล้กัน แจ้งว่าบ้านพักที่ลูกชายพักอยู่รวมทั้งหมด10กว่า ถูกกลุ่มฮามาส บุกโจมตีไม่มีใครรอดสักคน ส่วนเพื่อนคนงานที่รอด3คน เป็นคนงานโรงโคนม ที่อยู่ใกล้กัน หลบหนีซ่อนตัวเอาไว้ได้ ประกอบกับข้อมูลในกลุ่มศูนย์ช่วยเหลือแรงงานในประเทศอิสราเอล มีรายชื่อลูกชาย ดีม ลำปาง ที่ระบุข้อความยังไม่พบตัว ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้เชื่อว่าลูกชายไม่มีชีวิตอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นางแก้ว ได้จุดธูป9ดอก ทั้งน้ำตา ไหว้บอกกล่าวศาลพระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ลูกชาย ได้กลับมายังบ้านตัวเป็นๆ และๆทุกๆวันก่อนนอนได้ไหว้พระขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยลูกชายกลับมายังบ้าน พร้อมทั้งเปิดเผยต่อว่า ลูกชายไปทำงานที่ประเทศอิสรเอล ครบสัญญา5ปี แต่ทางนายจ้างขอให้ต่อสัญญาอีก3เดือน เพื่อสอนงานคนที่เข้าใหม่ จะครบกำหนดกลับประเทศไทยในเดือน พ.ย.66 ที่จะถึงนี้ เหลือเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น แต่มาเกิดเหตุสงครามขึ้นเสียก่อน ทีผ่านมาลูกชายเป็นคนดี ขยันทำงาน ส่งเงินกลับมาให้แม่ทุกๆเดือน ได้ซื้อที่ดิน สร้างบ้านไม้หลังใหญ่ให้กับลูกชาย เป็นเงิน2ล้านกว่าบาท รอที่ลูกชายจะกลับมาอยู่ในเดือน พ.ย.นี้

ในส่วนของหน่วยงานราชการในพื้นที่ ทั้งกระทรวงแรงงาน ปกครอง เจ้าหน้าที่ด้านจิตวิทยา รพ.เถิน รวมทั้งชาวบ้าน ได้เข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ ขอให้พบตัวลูกชาย ที่อาจจะหลบหนีและยังมีชีวิตอยู่ และขอให้รอฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงาน เพื่อยืนยันผู้เสียชีวิต สูญหายอีกครั้ง ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานต่อไป

อัมรินทร์ วะนะวิเชียร ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดลำปาง