เจ้าสัวใบหยก อยู่เฉยไม่ไหว ฝากถึงเศรษฐา หลังมีนโยบายแจกเงินดิจิทัล
นายพันธ์เลิศ ใบหยก ประธานกรรมการเครือโรงแรมใบหยก กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีเสียงค้านจากนักเศรษฐศาสตร์ 99 คนว่า ควรจะรับฟัง สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ให้นำมาแก้ไขเพื่อทำให้นโยบายสำเร็จ ซึ่งอยากให้รัฐบาลเดินหน้านโยบายต่อไปตามที่ประกาศไว้แต่แรก อย่าหวั่นไหว อย่าเลิก เพราะเป็นความหวังของประชาชน คนที่ค้านเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยที่แสดงความคิดเห็น ขณะที่เสียงสนับสนุนนั้นมีมากกว่า แต่ไม่ได้แสดงออกมา
รัฐบาลควรฟังเสียงประชาชนดีที่สุด ซึ่งนโยบายนี้ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลมีรายได้จากภาษีกลับคืนมา ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ขอให้รัฐบาลใช้หลักรัฐศาสตร์นำหน้าหลักเศรษฐศาสตร์เพื่อเดินหน้านโยบายนี้ต่อ นายพันธ์เลิศกล่าว
นายพันธ์เลิศกล่าวว่า สำหรับผลตอบรับจากการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนกับคาซัคสถานเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 ยังมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาน้อย ยังไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เนื่องจากรัฐบาลมีการประกาศนโยบายกะทันหันเกินไป เพราะชาวจีนส่วนใหญ่ได้มีการวางแผนท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้าแล้ว และส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มาเที่ยวเอง ยังไม่เห็นเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่
โดยในส่วนของโรงแรมเครือใบหยกมีอัตราเข้าพักเท่าเดิมเฉลี่ย 70% คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ไปถึงมกราคม 2567 เป็นช่วงไฮซีซั่น และอยากให้รัฐบาลเปิดวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวอินเดียด้วย เพราะเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ในการทำกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆ จะได้ผลตอบรับสูง
ด้าน นายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK กล่าวว่า แม้จะเกิดเหตุที่สยามพารากอน แต่ปัจจุบันยังมีลูกค้าต่างชาติและชาวไทยเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า MBK ตามปกติเฉลี่ย 80,000-90,000 คนต่อวัน โดยเป็นชาวต่างชาติประมาณ 50% หรือประมาณ 50,000 คน ส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ส่วนจีนยังไม่มาก แม้จะเปิดวีซ่าฟรีแล้วก็ตาม อาจเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ และมีข้อจำกัดอยู่ในหลายเรื่อง
นายสมพลกล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าหากมองในแง่ของการค้า ถือว่าเป็นนโยบายที่ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในหลักเศรษฐศาสตร์ ทางรัฐบาลต้องหาวิธีการจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเงินเฟ้อ และหารายได้เพื่อมาชดเชยกับที่ใช้ไปกับนโยบายดังกล่าวที่ต้องใช้เงินงบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท คือต้องมีการบาลานซ์กันทั้ง 2 ทาง อย่างเช่น รัฐอาจจะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบัน 7% เป็น 10% ขณะเดียวกันให้มีการสะสมใบกำกับภาษีเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ 100,000 บาทในช่วงสิ้นปี โดยต้องทำตลอดทั้งปี ไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ