นายดิฐพงศ์ ท้าวขว้าง อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยว่า ตนได้ประกาศขายช้างที่เลี้ยงอยู่จริง เป็นช้างบ้านตัวผู้ ชื่อพังบุญชู อายุ 45 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีรายได้ เดิมตนซื้อพังบุญชูมาจากปางช้าง จ.เชียงใหม่ ราคา 3 แสนบาท เมื่อปี 2546 นำมาเลี้ยงดูแลชักลากทำไม้เมื่อช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พอรัฐบาลประกาศปิดป่าไม่สามารถทำไม้ได้ จึงนำช้างออกทัวร์รับบริการจ้างนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในเชียงใหม่และเชียงราย

ช่วงเศรษฐกิจดีมีรายได้เดือนละ 25,000 บาท พอมีเงินเลี้ยงดูครอบครัวได้ และเคยมีคนขอซื้อช้างในราคา 1.7 ล้านบาท แต่ไม่ขายเนื่องจากยังมีความผูกพันกับช้างและมีรายได้อยู่ ปัจจุบันประสบปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวปางช้างก็ไม่ได้จ้างต่อ ต้องนำช้างกลับไปเลี้ยงดูที่บ้าน ไม่มีรายได้ ต้องไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขาย นำรายได้มาดูแลครอบครัวและช้าง พอปล่อยเลี้ยงในป่า ช้างก็ไปกินข้าวโพดและต้นข้าวชาวบ้านเสียหาย ต้องจ่ายค่าเสียหายครั้งละ 1 - 2 หมื่นบาท

เมื่อปล่อยเลี้ยงในป่าไม่ได้ จึงต้องล่ามช้างไว้ในป่า ให้หากินเองตามธรรมชาติ ช่วงเช้ากับเย็นจะเอาน้ำและหญ้าที่ซื้อและเก็บเกี่ยวไปให้ แต่ปัจจุบันพื้นที่แห้งแล้ง ขาดหญ้าให้ช้างกิน ต้องหากินใบไม้ใบไผ่เองในป่า นึกแล้วก็สงสารช้าง ตนทำไร่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขาย ราคาก็ไม่แน่นอน ขายได้กำไร 1-2 หมื่นบาท ก็ไม่พอค่าใช้จ่าย

ตนจึงตัดสินใจประกาศขายช้าง เป็นช้างงาเดียวข้างซ้ายยาวประมาณ 10 นิ้ว ตัวช้างหนักประมาณ 3,000 กก. อายุ 45 ปี มีหนังสือรับรองรูปพรรณสันฐานและฝังชิฟเรียบร้อย ราคาประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อนำทุนมาต่อยอดทำมาหากินต่อไป ถึงแม้จะเสียดายเพราะมีความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมากว่า 20 ปี เป็นช้างสุขภาพดีไม่ดุร้าย ปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อช้างโทรมาคุยแล้ว 3-4 ราย แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกัน