หลังจากที่ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ได้มีการเปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 16 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เก็บข้อมูลอยู่ที่เครดิตบูโรประมาณ 13.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นลูกหนี้ 32 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นหนี้เสียไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท หรือกว่า 5 ล้านคน ขณะที่ หนี้เสีย ที่นำไปปรับโครงสร้าง 9.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท ถือเป็นสัญญาณที่ดี

แต่ก็ต้องดูต่อไปว่าหนี้ก้อนนี้ เมื่อปรับโครงสร้างแล้วจะกลายเป็นหนี้ดีเท่าไร หนี้เสียเท่าไร โดยเฉพาะหนี้เสีย จากการกู้ซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากกลางปีก่อนถึง 18% แตะ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมีหนี้ที่กำลังจะเสีย หรือ พฤติกรรมเลี้ยงงวดอีก 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้รถยนต์ 2 แสนล้านบาท และหนี้บ้าน 1.8 แสนล้านบาท ทั้งหมดนีั้ถือเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง

โดยเครดิตบูโรงกังวลว่า ในขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้กำลังไปได้ด้วยดี ส่วนหนึ่งเนื่องจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว หรือ ที่เรียกว่า มาตรการฟ้า-ส้ม ของธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับกลุ่ม สีฟ้า คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกหนี้เป็นหลัก ส่วนกลุ่ม สีส้ม คือ การช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผ่านการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว แต่มาตรการเหล่านี้จะหมดอายุในช่วงธันวาคม 2566

ส่วนมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ที่เตรียมบังคับใช้ เม.ย.ปี 2567 มองว่าอาจยังไม่ตอบโจทย์ ส่วนตัวมองว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะต้องอยู่กับประเทศไทยไปอีกระยะ เนื่องจากหนี้ครัวเรือนจะลดได้ ประชาชนต้องมีรายได้ที่ดีขึ้นเพื่อมาลดหนี้สิน