![เปิดยอดเงินที่ บล็อกเกอร์ดัง ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด เหตุโดนทักเรื่องหุ่น](data/news_data/picture_800/96233nk.png)
เปิดยอดเงินที่ บล็อกเกอร์ดัง ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด เหตุโดนทักเรื่องหุ่น
วันที่ 24 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ทราย เบญจพร เจษฎากานต์ เจ้าของเพจ Framsook Lek Lek (ฟาร์มสุขเล็กๆ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าเหตุการณ์ที่ต้องดำเนินคดีกับคนที่แชร์ภาพตัวเองสวมบิกินีลงกลุ่ม บูลลี่กันสนุกปาก ออกโรงฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด 2 แสนบาท สุดท้ายคู่กรณีขอลดเหลือ 3 หมื่นบาท แลกกับจบคดี
โดยโพสต์ดังกล่าวมีรายละเอียดดังงี้
วันนึงมีคนทักเข้ามาในเพจว่ามีคนแชร์รูปทรายไปในกลุ่มๆหนึ่งข้อความก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ ทรายได้แต่สงสัยว่าเราไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจเหรอ การไปเที่ยวทะเลแล้วใส่ชุดว่ายน้ำมันผิดกาลเทศะ? รึว่าแค่เพราะเราอ้วนจึงถูกรังเกียจ
ตอนแรกคิดว่าอยากเข้าไปโต้ตอบพวกเขาเหมือนกันแต่ก็คิดว่าเราต้องมีความคิดต่ำๆขนาดไหนถึงจะสามารถพิมพ์ข้อความแบบนั้นได้ เราเลยปกป้องตัวเองด้วยวิธีทางกฎหมาย
ทรายไปศาลทุกครั้งทั้งๆที่แค่ส่งทนายไปก็ได้ ทรายไปเพราะอยากเจอคู่กรณีอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดกับเราแบบนั้น อยากรู้ว่าถ้าเขาเจอหน้าเรา จะขอโทษมั้ยและก็เป็นไปตามคาดไม่มีคำเหล่านั้นหลุดออกมา
ทรายเรียกไป2แสนซึ่งเป็นโทษสูงสุด ทางนั้นยื่นมาว่าขอให้แค่3หมื่นเพราะเขาเป็นแค่พนักงานโรงงานเงินเดือนแค่ 15,000 แน่นอนว่าทรายไม่ยอมไม่ใช่เพราะมันน้อยไปหรอกนะแต่เพราะมันดูง่ายไป
เมื่อทรายไม่ยอมผู้พิพากษ์ษาก็เรียกไปคุยหน้าบัลลังก์ ทรายบอกท่านว่างานเราใช้ชื่อเสียงและการกระทำของเขาอาจทำให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการจ้างงานได้
ท่านผู้พิพากษาแนะนำว่าให้ไปไกล่เกลี่ยกันอีกทีและคนที่จะเข้ามาจ้างงานก็น่าจะมีวิจารณญาณว่าเราไม่ใช่คนผิดเพราะเราไม่ได้เป็นคนทำ ประโยคนี้ทำเราใจชื้นขึ้นมาเยอะเลย
สุดท้ายเราเลยยื่นตัวเลขไปว่า 50,000 งวดเดียวหรือ70,000แบบทยอยจ่ายแล้วเราก็จะถอนฟ้องให้ แต่ทางนั้นก็พูดมาอย่างเดียวว่าตอนนี้ไม่มี โอเคร งั้นเราให้เวลาอีก1เดือนแล้วมาเจอกันครั้งหน้าซึ่งเป็นนัดไกล่เกลี่ย
จนมาถึงวันนัดไกล่เกลี่ย เริ่มจากเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยเรียกทางเราเข้าไปก่อน ท่านพูดคุยให้คำปรึกษากับเราซึ่งดีมาก ท่านบอกว่าถ้าจบเร็วจะเป็นผลดีต่อเรานะทั้งเรื่องเวลาและชื่อเสียงด้วย เราเลยยื่นไปว่าถ้า40,000ได้ ทางเราจะถอนฟ้องให้(คดีนี้เป็นอาญานะคะ)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยก็เรียกอีกฝ่ายเข้าไปคุย(เป็นการสลับกันเข้าไป) ประมาณ10นาทีมีเจ้าหน้าที่มาตามเราและทนายเข้าไปในห้องเพื่อคุยกับคู่กรณีแบบเผชิญหน้า
เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยแจ้งว่าทางนั้นมีแค่35,000เพราะมาจากโคราชมีเงินอยู่เท่านี้และเงินจำนวนนี้คือเงินของพ่อแม่ไม่ใช่เงินของลูกชายผู้กระทำผิดเพราะเขาไม่มี อยากให้ถอนฟ้องอยากให้เรื่องจบจะให้พ่อแม่มาไหว้ขอโทษแทนก็ยอม
เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมเราถึงยอมให้เรื่องจบด้วยเงิน35,000
อันที่จริงมันอาจจะเป็นแค่เทคนิคในการต่อรองหรืออะไรก็ไม่รู้แหละแต่การจะให้คนอายุจะ70มาขอโทษเราทั้งๆที่พวกเค้าไม่ได้ทำผิดอะไรเราว่ามันไม่ควรจริงๆ
ส่วนตัวคนกระทำผิดเราบอกให้โพสขอโทษลงโซเชี่ยลกลับตอบเรามาว่าแค่ขอโทษซึ่งหน้าไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้ทีคุณยังแชร์เรื่องเราไปโพสบนโซเชี่ยลเลยและต้องแท็กเพจกับเฟสเรา ห้ามลบด้วย
เขาก็แค่โพสตามที่ทุกคนเห็นและไม่ได้เอ่ยขอโทษต่อหน้าเราสักคำ
ทรายใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ8เดือนในการดำเนินคดีไปศาลทั้งหมด3ครั้ง อ่านข้อความเหล่านั้นซ้ำๆแบบนับไม่ถ้วนและคิดว่าเป็นเพราะเราอ้วนแค่นั้นเองเหรอ เรื่องนี้มันมีผลกระทบต่อจิตใจเรามาตลอด
ในโลกโซเชี่ยลที่ทุกคนเห็นเราดูเป็นคนมั่นใจและสดใสคือเราต้องพยายามสร้างสิ่งนั้นเพื่อกดทับเรื่องเหล่านี้ไว้
สุดท้ายทรายอยาก ขอว่าอย่าคอมเม้นท์ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรงอย่าให้เขามาหาผลประโยชน์จากความไม่พอใจของเราได้ และที่สำคัญอย่าไปว่าพ่อแม่รึคนรอบข้างเขาเลยพวกเขาไม่ได้ผิดอะไร
ทรายชอบประโยคนึงจาก Forrest gump
จงสุภาพกับทุกคน แม้คนนั้นจะหยาบคายกับคุณก็ตาม
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่เพราะคุณเป็นคนดี
ภาพจาก Framsook Lek Lek
ภาพจาก Framsook Lek Lek
เรียบเรียง siamnews