วันที่ 14 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวดัง รายงานว่า นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ข้าวมาบุญครอง บอกว่า ราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี เพียงแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาโดดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากอินเดียผู้ส่งออกใหญ่ของโลก มีมาตรการห้ามการส่งออก ประกอบกับความกังวลของหลายประเทศ จึงทำให้ราคาข้าวขาวที่เป็นมาตรฐานถูกปรับราคาขึ้นมา ระยะเวลาภายใน 1 เดือน จากเดิมกิโลละ 17 บาท กลับขึ้นมาเป็นล่าสุดอยู่ที่ 22 - 23 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นสัดส่วนต้นทุนเพิ่มขึ้นมาราว 15-20%

ส่วนแนวโน้มราคาข้าวถุงในระยะสั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการยังมีสินค้าในสต็อก ทำให้ยังพอเฉลี่ยราคาได้อยู่ แต่ด้วยรูปแบบของข้าวขาวที่ปกติมีผลผลิตออกตลอดทั้งปี ทำให้สต็อกของผู้ประกอบการจึงมีไม่มากนัก ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแบรนด์จะคงราคาเดิมไหวได้แค่ไหน จึงประเมินว่าผู้ประกอบการมีโอกาสปรับราคาขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป

แต่ต้องเข้าใจว่าการปรับราคา คือปรับมาเป็นราคาปกติ เนื่องจากในประเทศไทยประชาชนได้ทานข้าวในราคาโปรโมชันมาโดยตลอด หลายแบรนด์จึงอาจปรับงดการใช้ส่วนลดที่เคยมี ทำให้ราคาอาจปรับขึ้นบวก-ลบ ราวๆ 10 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม รวมถึงการขึ้นจะไม่ใช่การนำต้นทุนมาขึ้นทันที แต่ค่อยๆ ปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ขณะที่ปัญหาภัยแล้งปีนี้ ผู้บริหารข้าวมาบุญครอง บอกว่า อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลมากนัก เพราะข้าวถูกปลูกไปเรียบร้อยแล้ว รอดูว่าภาวะเอลนินโญ่จะส่งผลขนาดไหน เบื้องต้นมีการประเมินกันว่าผลผลิตจะลดลงไม่ถึง 5% สิ่งที่ต้องจับตาคือภาวะโลกร้อน จะมีผลต่อปริมาณน้ำมากขนาดไหนในช่วงต้นปีหน้า หากปริมาณน้ำยังเท่าเดิม ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล

อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีความต้องการข้าวจากต่างประเทศค่อนข้างมาก จึงถือเป็นโอกาสของเกษตรกรกับผู้ประกอบการไทยด้วย แต่ขอให้คนไทยสบายใจได้ว่าปริมาณข้าวที่บริโภคในประเทศเพียงพออยู่แล้วและเป็นส่วนหลัก เมื่อเหลือจากขายบริโภคในประเทศก่อนถึงนำมาส่งออกได้