อนุสรณ์ ฟาดเดือด พรรคก้าวไกล ลั่น ทำไมก้าวไกล พูดแล้วดูเป็นพระเอก แต่พอเพื่อไทยพูดแล้วกลายเป็นผู้ร้าย
วันที่ 2 ส.ค.2566 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ดำเนินรายการ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบร์ท พิชญทัฬห์ เผยแพร่ผ่านทางยูทูบ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตอนหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อไทย เป็นพรรคเดียวที่ขอให้แลนด์สไลด์เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่เป็นแกนนำพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ที่บอกว่าปิดสวิตช์ ส.ว.ทำได้อยู่แล้ว แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ถ้าไม่แลนด์สไลด์จะปิดสวิตช์ ส.ว.ไม่ได้ ปัญหาจะเกิด
การเมืองเดินมาถึงตรงนี้สิ่งที่เพื่อไทยกำลังทำ เหมือนสิ่งที่ก้าวไกลนำเสนอ ทำไมก้าวไกล พูดแล้วดูเป็นพระเอก แต่พอเพื่อไทยพูดแล้วกลายเป็นผู้ร้าย เรายืนยันว่าเราเคารพประชาชน แต่ไม่เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศต้องการให้รอ 10 เดือน ไม่เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศต้องการให้ก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เท่านั้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า คิดว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อ วันนี้เป็นจังหวะที่เพื่อไทย ต้องแสดงศักยภาพ เพื่อรวบรวมเสียงและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ วันนี้เพื่อไทยไม่เคยบอกว่าจะผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน เพียงแต่เราเดินหน้าคุยแล้วทุกพรรคบอกว่าไม่สามารถทำงานกับก้าวไกลได้ โดยเราจะเอาข้อสังเกตนี้ไปคุยกับ 8 พรรคร่วมแน่นอน
ประเด็นที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่ามีเราไม่มีลุง แล้วเที่ยวนี้มีเรามีลุงเป็นการไม่เคารพประชาชน ขอเรียนว่าตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทย 141 เสียงที่ได้มา ไม่เคยมีใครบอกว่าจะเข้าไปโหวตพรรคก้าวไกล เข้าไปโหวตพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราก็โหวตให้นายพิธา เมื่อเราได้คะแนนมาเป็นพรรคอันดับ 2 แต่ว่าสังคม หรือกลุ่มด้อมบางด้อม กับไม่มองเห็นตรงนี้ 141 เสียงของเพื่อไทยไม่เคยแตกแถว ไม่เคยได้รับคำชม แต่ไปชื่นชม 13 ส.ว. ที่โหวตนายพิธา
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ที่บอกว่าตอนหาเสียงเป็นอย่างหนึ่ง และตอนนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง คือต้องดูว่าตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป วันนั้นเรายังโหวตให้พิธา แต่มาวันนี้พรรคก้าวไกล มาบอกว่าจะไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทย ฉะนั้นเรื่องนี้สังคมต้องชั่งน้ำหนักให้ดี
วันนี้เพื่อไทยจะบอกก้าวไกล ว่าที่ไปคุยกับพรรคการเมือง และ สว. เขาไม่เอาพรรคก้าวไกล ส่วนจะบอกให้เขาไปหรือไม่ ทั้ง 8 พรรคต้องมีความเห็นว่ามันเป็นแบบนี้ ถ้าเพื่อไทยตั้งไม่ได้ ก็จะกลับไปเป็นก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ตั้งไม่ได้ เพราะมีแค่ 312 เสียง แล้วอีกอย่างเสียงของก้าวไกล หลังเลือกตั้งใหม่ชนะพรรคเพื่อไทย 11 เสียง แล้วกลายเป็นห่าง 10 ห่าง 9 ห่าง 8 และในระยะเวลา 1-2 เดือนนี้หากมีเหตุจะยุบพรรคการเมือง หรืออะไรก็ตามแต่ ถ้าเพื่อไทย เป็นอันดับ 1 ขึ้นมา จะยอมให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลหรือไม่ ถ้าหากเพื่อไทย เดินหน้าต่อไปกลุ่มกองเชียร์แฟนคลับของบางพรรคการเมืองจะรับได้หรือไม่ ประเทศไทยควรไปต่อหรือไม่ หรือประเทศไทยควรจะรอ 10 เดือน
ถ้าสว.จะโหวตให้ ฝั่งประชาธิปไตย 8 พรรคเขาน่าจะโหวตไปแล้ว รอบนี้เห็นสัญญาณ เขาสร้างเงื่อนไขขึ้นมา ไม่โหวต นายเศรฐา ทวีสิน และมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเพื่อไทย เมื่อได้รับหน้าที่ก็เลยต้องรวบรวมพรรคการเมือง เพื่อมาปิดสวิตช์ส.ว.
เชื่อว่าการที่จะพูดคุยกันทั้ง 8 พรรคจะมีทางออก เหมือนวันโหวตประธานรัฐสภา ที่ได้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติ มาในวันท้ายๆ ฉะนั้นถ้าเราตั้งสติ แล้วคิดด้วยเหตุด้วยผลยึดประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นตัวตั้งเชื่อว่าจะมีทางออก เชื่อว่าทั้ง 8 พรรคเมื่อได้ฟังหลักการ เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยรวบรวมมาจะช่วยกันหาทางออกได้ ไม่ได้แปลว่าจะต้องผลักก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว
ถ้า 10 เดือนรอได้ ควรจะรอ 10 ปี วันนี้ที่เราพูดคุยเรื่องการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ยังเดินหน้าต่อ ยืนยันว่าทุกข์ประชาชนรอไม่ได้ การเสียโอกาสของประเทศชาติและประชาชนรอไม่ได้ 10 เดือนนี่จะเป็น 1 ปีแล้วนะ ฉะนั้นทำไมไม่รออีก 4 ปี นายอนุสรณ์ ทิ้งท้าย