ด่วน เพื่อไทย เจอปัญหาใหญ่แล้ว ก่อนถึงวันโหวตนายกฯคนที่ 30 วันที่ 4 ส.ค. 66
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกำหนดการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีขึ้นวันใด หลังจากก่อนหน้าระบุวันที่ 2 สิงหาคมว่า เบื้องต้นยังอยู่ในกระบวนการนัดหมาย ทางผู้ประสานงานยังไม่ได้แจ้งมาให้ทราบ จึงยังไม่รู้ว่า 8 พรรค จะประชุมกันวันไหน หากทราบแล้วจะมีการแจ้งให้สื่อทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่เลื่อนประชุมเนื่องจากทางพรรคเพื่อไทยไม่สามารถติดต่อประสานงานกับแกนนำพรรคก้าวไกลได้ ก่อนหน้านี้มีรายงานระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะนัดประชุม 8 พรรคร่วมในวันที่ 2 สิงหาคม ณ ที่ทำการพรรค พท. จากนั้นพรรค พท.จะนัดประชุม ส.ส.ในวันที่ 3 สิงหาคม ที่อาคารรัฐสภา ก่อนที่จะโหวตเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคม แต่เมื่อติดขัดกระบวนการประสานงาน จึงทำให้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการนัดหมาย
จากกรณีที่พรรค พท.รับไม้ต่อจากพรรค ก.ก. ทำหน้าที่เป็นแกนนำจัดตั้ง รัฐบาลและเตรียมจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. ต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 4 สิงหาคม โลกออนไลน์พร้อมใจกันแชร์คลิปวิดีโอการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมของนายเศรษฐา ต่อท่าทีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า หาก พท.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้มาตรา 112 เป็นปัญหา นายเศรษฐากล่าวว่า ชัดเจนว่าถ้ามีพรรคที่จะเสนอนายกฯครั้งต่อไป มาตรา 112 ต้องไม่มีการแก้ไขหรือยกเลิก ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.และอีกหลายพรรค คณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมาก นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามว่า วิธีใดที่จะทำให้มาตรา 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำให้คนเข้าใจพรรคมากที่สุดว่าไม่ได้หักพรรค ก.ก. นายเศรษฐากล่าวว่า พูดแทนพรรค ก.ก.ไม่ได้ แต่พรรค พท.คงต้องพูดคุยกัน ถ้าจะเป็นแกนนำเรื่องนี้ ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหยุดลงไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงหากพรรค พท.เป็นแกนนำแล้วไม่แตะมาตรา 112 ความสัมพันธ์กับพรรค ก.ก.จะเป็นอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา ส่วนตัวคิดว่าหากมีมาตรา 112 อยู่ คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ พรรค
พท.งัดคลิปโชว์หลักการชัด น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความพร้อมกับแนบคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ด้วยเหตุผลการเสนอขอแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล สื่อสัมภาษณ์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กล่าวอย่างชัดเจนในวันนั้นว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปก็ต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม และส่วนตัว ยอมรับการแก้มาตรา 112 ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ และหากครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสตั้งรัฐบาล และมีสิทธิเสนอชื่อแคนดิเดต นายกฯ เข้าไปโหวต จะเป็นที่ชัดเจนว่า พรรคที่จะเสนอนายกฯครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. และจากหลายๆ พรรค
ส.ว.เรียกร้องเศรษฐาโชว์วิชั่น
นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 สิงหาคม ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายสร้างสตอรี่ แทงข้างหลัง ถีบพรรคนั้นพรรคนี้ แต่ ส.ว.มีหน้าที่ต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยยึดหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ที่ผู้ถูกเสนอชื่อต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ชื่อนายเศรษฐาทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่จะถูกเสนอชื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเป็นผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น
ยังมีข้อน่าสงสัยตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ระบุเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี ถ้าเป็นเช่นนี้ ส.ว.จะรับรองได้อย่างไร ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ได้เสียงข้างมากแล้ว ส.ว.ต้องเลือก แต่ ส.ว.ต้องเลือกนายกฯที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น การโหวตเลือกนายกฯวันดังกล่าว ประธานรัฐสภาต้องให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์เพื่อให้สมาชิกรัฐสภามีโอกาสซักถาม จะให้ ส.ว.เลือก โดยไม่แสดงวิสัยทัศน์ไม่ได้ ถ้านายเศรษฐาไม่แสดงวิสัยทัศน์ใดๆ ส.ว.จะเป็นฝ่ายถามเองถึงแนวคิดการบริหารประเทศ ทั้งเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้มีความชัดเจนประเด็นเหล่านี้ก่อนตัดสินใจลงมติ เพราะ ส.ว.มีหน้าที่ต้องเลือกคนดีที่ไม่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 160