เอาแล้ว ชูวิทย์เปิด 3 ชื่อสะเทือนอำนาจแคนดิเดตผ่าแผนวันทอง 2 ใจ
ยังคงติดตามกันต่อสำหรับประเด็นการเมืองที่ดูนับวันยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่3 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เคยส่งสัญญาณเตรียมจะเปิดเอกสารลับเกี่ยวกับภาษี
ล่าสุด สำนักข่าวช่อง8 ได้เผยถึงบทสัมภาษณ์ของ นายชูวิทย์ ถึงปมประเด็นการเมืองที่น่าสนใจและหนึ่งในนั้นคือ กรณีที่นายชูวิทย์ เคยออกมา ระบุว่าจะมีการแฉถึงนายกรัฐมนตรีหรือว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยข้อมูลที่จะออกมาแฉ จะทำให้บุคคลดังกล่าวล้มทั้งยืน และไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่สุดท้ายกลับต้องเลื่อนออกไป นั้น
ภาพจาก ลุยชนข่าว
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บอกว่า ส่วนตัวอยากจะให้คนดูของช่อง 8 ได้เห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งเพิ่งจะทำเสร็จก่อนที่จะมาตั้งให้สัมภาษณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปเงาของว่าที่นายกรัฐมนตรี และมีข้อความระบุว่า “นายกคนใหม่ ประเทศไทยซื่อสัตย์ เป็นที่ประจักษ์ หรือไม่..?” โดยภาพกราฟิกนี้ตนเองเตรียมที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะชน ซึ่งทีมข่าวมาสัมภาษณ์ก่อน จึงขอเปิดเป็นที่แรก โดยข้อความดังกล่าวต้องการที่จะสะท้อนว่า การที่ใครบางคนจะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีความจริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และทุกอย่างอยู่ที่แจ้ง ไม่ใช่แอบทำกันได้ที่ลับ ดังนั้นถ้าหากไม่เป็นไปตามข้อความ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่ประจักษ์ตรวจสอบไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่ควรได้รับการเสนอชื่อ เพราะถ้าหากก่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งหน้า แล้วมีการลงมติในพรรคดังกล่าว แล้วมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าว ตนเองก็จะอภิปรายนอกสภา หรือเปิดเผยข้อมูลชุดนี้ทันที และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะล้มทั้งยืน
ภาพจาก ลุยชนข่าว
การที่ตนเองต้องเลื่อนครั้งนี้เป็นเพราะว่า ยังไม่มีการเสนอชื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเอาข้อมูลเปิดเผยก่อนเสนอชื่อ แล้วมีการเปลี่ยนแปลง บุคคลดังกล่าวก็แค่ถูกแฉ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเมื่อมีการเลื่อน และไม่เปิดเผยชื่อดังกล่าว ก็ไม่มีมีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลในเวลานี้
และตนเองอยากจะฝากย้ำเตือนสติและพูดถึงชื่อใครบ้างคน 3 ชื่อ คือ ซานซิง เป็นแขกอินเดีย , เดฟ เป็นแขกอินเดีย , และโขงเป้ง บอกได้เลยว่า3ชื่อนีั ใครบางคนที่เป็นคดีเดตนายกรัฐมนตรี ของบางพรรคการเมือง แค่ได้ยินชื่อแค่นี้ก็หนาวแล้ว เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีความสัมพันธ์พิเศษ ที่พากันกระทำผิด เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ตรวจสอบไม่ได้ มากกว่าการเลี่ยงภาษี โดยเรื่องนี้ตนเองจะให้เป็นภาพยนตร์ภาคที่2 ต่อจากภาคที่1 ที่เดิมมีการซื้อขายที่ดินผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ครั้งนี้ภาค2จะมั่นดุเดือดและสังคมตาสว่าง ดังนั้นตนเองอยากจะตั้งชื่อเรื่องว่า “ภาค1หนีภาษี ภาค2 ซื้อขายตลาดหลักทรัพย์”
ภาพจาก ลุยชนข่าว
แต่ทั้งนี้ข้อมูลจะถูกเปิดเผยหรือไม่ก็ต้องรอดูว่าจะมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นผู้ถูกเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
และทั้งนี้ หากยังมีการเสนอชื่อดังกล่าว แล้วข้อมูลของตนเองก็เปิดเผยออกมา แต่รัฐสภายังมีการเลือกโหวตเห็นชอบชื่อดังกล่าวอีก จะกลายเป็น นายกรัฐมนตรี อาชญกรทางเศรษกิจ
ส่วนกรณีที่มีกระแส และรวมถึงกลุ่มนักวิชาการโดยเฉพาะอาจารย์ด้านกฎหมายของประเทศไทย มีความเห็นต่าง และออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการยุบสภาซ้ำ ซึ่งมีความเป็นไปได้หรือไม่ นั้น
ภาพจาก ลุยชนข่าว
นายชูวิทย์ บอกว่า ปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในฐานะรัฐบาลรักษาการและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ และอยู่ในฐานะสภาเก่า , แต่ปัจจุบัน ได้มีการแต่งตั้งมีราชโองการ ในการตั้งสภาใหม่ขึ้นแล้ว ซึ่งหน้าที่ของนายกรักษาการ จะเกี่ยงกับสภาใหม่ ได้หรือไม่ ก็ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญ และไปตีความกฎหมาย แต่หากจะมองว่านายกสภาเก่ามีอำนาจยุบสภาใหม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับดาบในมือของพลเอกประยุทธ์ ว่าจะลงดาบด้วยตนเองหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่ทำ เพราะไม่มีความจำเป็นใดที่จะเอาตัวเองลงมายุ่งเกี่ยว มันขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะหากไม่ได้พลเอกประยุทธ์ก็นั่งต่อไปอีกจนกว่าจะได้อยู่ดี
แต่สิ่งที่ตนเองมองในตอนนี้ หากจะมองว่ามีการยุบสภาสามแล้วให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ ไม่ควรที่จะมีการยุบสภาโดยอำนาจของนายกรัฐมนตรีรักษาการ แต่ควรที่จะมีการปฏิวัติ เพื่อที่จะให้ทุกอย่างจบสิ้นง่ายกว่า เพราะอย่าลืมว่านักการเมืองไทยทำได้ทุกอย่าง พูดได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ลืมคำพูดของตัวเอง เหมือนเช่นหลายครั้งที่มีการหาเสียง”ว่าจะ” แต่สุดท้ายแล้วลืมคำพูดตัวเองแล้วกลืนน้ำลาย
คลิป
คลิปจาก ข่าวช่อง8