เอาแล้ว หมอชลน่าน ประกาศ แจ้งข่าวด่วน จัดตั้งรัฐบาล
วันที่ 24 ก.ค.2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ รื่องเล่าเช้าเนี้ ถึงแนวทางจัดตั้งรัฐบาลว่า การพูดคุยกับ 5 พรรค เพื่อขอเสียงโหวตนายกฯ ยอมรับว่าแนวโน้มอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ติดเงื่อนไข ม.112
เมื่อถามว่าถ้าไม่ได้เสียงจากส.ว. 63 เสียง ทำให้ 8 พรรคร่วม มี 2 ทางเลือกคือ ก้าวไกล ยอมเสียสละออกไป จะได้เสียงจาก ส.ส.และส.ว. จัดตั้งรัฐบาล หรือ 8 พรรค ยืนหยัดแล้วรอจังหวะเวลาให้ ส.ว.หมดอำนาจ ขณะที่อีกฝากเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นแนวทางน่าจะเป็น แต่อาจมีแนวทางอื่น ภายใต้ 8 พรรคร่วมอยู่ด้วยกัน หรืออย่างน้อยต้องมีเพื่อไทย ก้าวไกล จับกันอยู่ และพยายามมุ่งหาเสียงมาเพิ่มให้เกิน 375
หากพรรคอันดับ 2 จัดไม่ได้ ในเมื่อเราหมดปัญญาแล้ว ทำไมไม่ส่งต่อให้คนอื่น ก็คือพรรคอันดับ 3 ทั้งนี้ ต้องรอประชุม 8 พรรคร่วม เมื่อหาข้อสรุปในวันที่ 25 ก.ค.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนทางเลือกที่สอง คือ มัดกันแล้วรอจังหวะเวลา ซึ่งรอได้ระดับไหน มันก็มีระดับ เช่น รอ 11 เดือน รอ 1 -2 อาทิตย์ ซึ่งมีความหมายต่างกันเยอะ ต้องไปพิจารณา ซึ่งข้อเสนอให้รอ 10 เดือน เพื่อให้ ส.ว.หมดอำนาจ ภายใต้เงื่อนไขที่เราเอาประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทย ที่เห็นว่าปัญหาประเทศไม่สามารถร้างรารัฐบาลได้ ในมุมเพื่อไทย ข้อเสนอนี้ไม่ควรเกิด เนื่องจากรัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัด อย่าให้ถึง 3 เดือนเลย 2 เดือนนี้ก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว
เมื่อถามว่าแนวทางเกาะกันให้แน่นแล้ว ส.ว.หมดวาระ เป็นไปไม่ได้ในมุมพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมุมพรรคเพื่อไทย เราให้ลำดับความสำคัญน้อยสุด และไม่ควรจะเกิด ถ้าจะเกิดอย่างนั้น เราจะได้เพียงแต่ว่า เราจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่ไม่มี ม.272 มาเกี่ยวข้อง แต่การแลกอย่างนั้น มันจะคุ้มค่ากับการสูญเสียในระยะเวลา 10 เดือนหรือไม่ ถ้าคุ้มค่า ก็สมควรกับการแลก
เมื่อถามว่าถามตัดสินใจอย่างนั้น พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคที่ถูกกล่าวหาว่าไปร่วมเป็นนั่งร้านให้เผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ปิดสวิตช์ 3 ป. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น โดนแน่ๆ โดยเฉพาะไปยกอำนาจให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้เต็มๆ และถ้าให้พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ เป็นแกนนำ และให้พรรคเหล่านั้นร่วมรัฐบาล ก็จะโดนอยู่ดี
โจทย์เหล่านี้ เรามาคำนวณใคร่ควรคิดอย่างรอบคอบ เราเคยอภิปรายไว้ในสภาไว้ชัดว่าเรื่องเด็ดหัว สอยนั่งร้าน แต่เราใช้กลไกทุกอย่างเพื่อขออำนาจจากประชาชน แต่พวกเราไม่มีใครได้อำนาจเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคใด้พรรคหนึ่งได้ 251 ขึ้นไปทุกอย่างมันก็จบ
แต่ประชาชนอีกส่วนหนึ่ง ถ้าเทียบคะแนน เขาไม่ได้เห็นคล้อยตามที่เราเสนอ เราซึ่งหมายถึงพรรคซีกเสรีประชาธิปไตย ถ้าวัดจากคะแนนเลือกตั้ง อีกฝ่ายเป็นเสียงข้างมาก เพราะ 10 พรรคคือกลุ่มเดียวกัน มี 188 เป็นอันดับ 1 ในสภา ส่วนก้าวไกล เป็นอันดับ 2 มี 151 เสียง เพื่อไทย เป็นอันดับ 3 มี 141 เมื่อไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด มันเลยมีความลำบาก
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มั่นใจว่าในวันที่ 25 ก.ค. ถ้าไม่มีข้อสรุปที่ดี ยังไม่ตัดสินว่าจะไปไหน แต่ยืนยันว่าเพื่อไทยจะหาทางออกอย่างดีที่สุด และถ้าไม่มีทางออกที่เสียน้อยที่สุด เช่น จำเป็นต้องเอาเสียงซีกนั้นมาบวก โดยมีเงื่อนไขที่ทุกพรรคพอรับได้ มันก็อาจจะเป็นทางออก ซึ่งทุกพรรคที่วางกติกาไว้ ก็เพื่อบ้านเมืองทุกสิ่งคำนึงถึงประโยชน์โดยรวม ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลง ปลดเงื่อนไข และหันหน้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ทำหน้าที่แทนประชาชนไปก่อน
ผมมั่นใจว่าจะมีทางพอที่จะรับได้ อย่างพรรคเพื่อไทยชัดเจน บางที่คิดถึงขนาดว่าถ้าเราทำถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ยกคืนกลับให้พรรคก้าวไกล ยกให้พรรคอื่นที่มีความสามารถ และพรรคเพื่อไทยถอยออกมา แต่เราทิ้งประชาชน ทิ้งประเทศชาติไม่ได้
เมื่อถามว่าวันที่ 27 ก.ค. จะขอเลื่อนการประชุมเลือกนายกฯหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันที่ 25 กก.ค. จะเป็นตัวตัดสิน ถ้ายังไม่มีแนวทางที่น่าจะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย อาจจะเลื่อนไป 1 สัปดาห์ก่อนหรือไม่ ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี
ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลยืนยันขอให้จับแน่น 8 พรรค นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้ามีข้อเสนอเช่นนั้น เราต้องมาทำงานต่อว่าเราจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร ส่วนจะต้องให้พรรคก้าวไกลถอยหรือไม่ มองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นคนบอกกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้ แต่จะเอาข้อมูลข้อเท็จจริงให้ 8 พรรค และจะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลตัดสิน
เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่กับการรับทัวร์ นพ.ชลน่าน กล่าว่า เหนื่อย มันมีอาการทางจิตและอาการทางกาย อาการทางกายไม่แสดงออกเท่าไหร่ อาการทางจิต พยายามระมัดระวังไม่ให้แสดงออกเลย ทัวร์มาเป็นเรื่องปกติ ถ้ามีรถทัวร์ที่จำเป็นก็รับได้ ถ้ารถทัวร์ที่เข้าใจผิด อาจจะทำให้ทุกฝ่ายมีความเหนื่อยล้าได้
ส่วนที่มีมวลชน เข้าไปโยนแป้ง จะไม่ดำเนินคดีหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พฤติการณ์ พฤติกรรม ถ้าตีความอาจจะเกินขอบเขตของกฎหมาย แต่ดูเจตนาน้องๆ ถ้ามาด้วยความบริสุทธิ์ ต้องการทวงถาม ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมือง การใช้กฎหมายที่ล้นเกินไปกระทำกับเยาวชน ตนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ในมุมตน และพรรคจะไม่ดำเนินการเกินขอบเขต เกินสัดส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น