ส.ว.ประภาศรี ยืนยัน วานนี้ลงมติให้เสนอชื่อ พิธา ซ้ำได้ เสียใจหลักการรัฐธรรมนูญถูกทำลาย
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ลงมติว่าการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯอีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 หรือไม่ ทั้งนี้ ผลการลงมติพบว่าเสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 ดังนั้น ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ นางประภาศรี สุฉันทบุตร ส.ว. ซึ่งเป็น 1 ใน 13 เสียงจาก ส.ว.ที่ “เห็นชอบ” นายพิธาเป็นนายกฯในการโหวตครั้งแรก
ได้โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า การลงมติวานนี้ได้ลงมติให้สามารถนำชื่อนายพิธามาเสนอเป็นนายกฯได้อีก นางประภาศรีเปิดเผยว่า คงทราบข่าวแล้วนะคะว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภามีมติไม่ให้เสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นครั้งที่สอง ตามที่ดิฉันได้แจ้งว่าคุณพิธาถูกตัดสิทธิการเป็น ส.ส.ก็จริง แต่จะไม่ถูกตัดสิทธิการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นสมาชิกรัฐสภาได้ร่วมกันอภิปราย ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เสนอชื่อคุณพิธาเป็นครั้งที่สองมีเหตุผลว่าญัตติใดๆ ที่เคยเสนอแล้วจะนำมาเสนออีกไม่ได้ในวาระสมัยประชุมเดียวกัน ตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 41 ของการประชุมสภา
แต่ฝ่ายที่เห็นว่าสามารถนำชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาเสนอใหม่ได้ มีเหตุผลว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติทั่วไป แต่เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ เพราะข้อบังคับของการประชุมสภาจะเหนือกว่ากระบวนการตามมาตราของรัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่เมื่อมีการอภิปรายถกเถียงกัน ใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง จึงมีการลงมติ ผลการลงมติคือฝ่ายที่เห็นว่าเสนอคุณพิธาอีกครั้งไม่ได้ เป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนน 394 ต่อ 312 เป็นอันว่าไม่สามารถนำชื่อคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก สำหรับดิฉันเห็นว่า #ถึงเสนอคุณพิธาซ้ำอีกก็คะแนนไม่ถึงอยู่ดี แต่เราต้องยึดหลักการเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ถ้าไม่ยึดข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญ แล้วเราจะยึดกฎหมายใดในการบริหารประเทศ
ตัวดิฉันเองได้ลงมติว่าสามารถนำชื่อคุณพิธามาเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 คือนำมาเสนอซ้ำได้ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับสภาผู้แทนราษฎรชุดต่อๆ ไป เมื่อตอนนั้นไม่มี ส.ว.ชุดนี้แล้วจะมีผลอย่างมากสำหรับ ส.ส. เพราะหากใช้ระเบียบนี้ จริงๆ ส.ส.ทั้งหมด ไม่ว่าะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลในอนาคตจะเสนอคนของตัวเองได้เพียงครั้งเดียว แม้ว่าคนของตัวเองจะมีความสามารถและมีคุณภาพขนาดไหนก็ตาม หรือแม้แต่หาคะแนนเพิ่มได้ ก็นำเสนอเข้ามาไม่ได้อีก สมาชิกวุฒิสภาที่ลงมติเหมือนดิฉันมีเพียง 8 คน เมื่อรวมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นว่าสามารถนำเสนอใหม่ได้ รวมแล้ว 312 คน ซึ่งแพ้เสียงข้างมากค่ะ
ต่อจากนี้ก็เป็นการนำเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นพรรคไหนเป็นผู้เสนอ แล้วจะได้ หรือไม่ได้ก็ไม่สามารถเสนอบุคคลนั้นได้ซ้ำอีก #สำหรับดิฉัน หลักการของรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศในมาตรานี้ได้ถูกทำลายไปแล้วค่ะ ประธานสภาเรียกประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ค.2566 นี้ โปรดติดตามนะคะ #ต่อไปดิฉันจะขอคุยเรื่องที่ไม่เครียด และมีความสุขบ้างนะคะ Good Night นะคะ