เปิดบ้านหลวง ประยุทธ์ หลังนี้มีอะไรดี ยังไงๆก็ไม่ยอมย้ายออก
กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังเก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล เตรียมลงจากหลังเสือ แต่ยืนยันไม่ออกจากบ้านพักที่ค่ายทหาร ร.1 รอ.
พร้อมยก ระเบียบกองทัพบก การันตีว่า ตัวเองอยู่ได้ถูกต้องตามกฎ
ถ้าจะแก้ไขก็ต้องไปแก้กฎกระทรวง มันเป็นระเบียบของกองทัพบก ฉะนั้นการที่เขาจะดูแลผู้บังคับบัญชา มันเป็นกติกาเหมือนเดิม ถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป ผมก็พร้อมออก วันนี้ผมอยู่ ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย เข้าใจไหม บ้านมี ไม่ใช่ไม่มี แต่มันไม่ปลอดภัย
พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันต้องอยู่ เพื่อความปลอดภัย ทำให้วันรุ่นขึ้นประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้เกาะติดเรื่องนี้มาโดยตลอด ถามแรงๆ หา สปิริตน่ะมีไหม?
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เข้าใจว่าบ้านหลังนั้นคงจะมีอะไร เหมือนกับว่าหวงเหลือเกิน เพราะทราบว่า หลายเหตุการณ์บ้านหลังนั้น เป็นที่ประชุมหารือของบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
มีอะไรหรือไม่นั้น เรื่องนี้มีคำตอบ โดยวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารชื่อดัง ได้เล่าไว้ในหนังสือ ลับ ลวง พราง 5 ศึกชิงอำนาจ ผ่าแผนปฏิวัติเลือด ที่พิมพ์กับสำนักพิมพ์มติชน เมื่อปี 2555 ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ
วาสนา ระบุว่า ร.1 รอ. ถ.วิภาวตีรังสิตก็ ถือเป็นจุดศูนย์ดุลสำคัญของฝ่ายกองทัพ
เนื่องจากเป็นที่พักของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้ง 2 ป. ได้แก่ บิ๊กป้อม พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.
หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น รังของบูรพาพยัคฆ์ เลยก็ว่าได้
อีกทั้งที่ผ่านมา ร.1 รอ.แห่งนี้ เคยเป็นที่พักกบดานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในระหว่างสู้ศึกกับคนเสื้อแดง จนทำให้เกิดภาพของรัฐบาลที่เกิดในค่ายทหาร แถมยังต้องหนีซุกค่ายทหารอีกด้วย
ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าว เกิดขึ้นจากสถานการณ์บ้านเมือง ที่คิดว่า จะมีเรื่องวุ่นรออยู่เบื้องหน้า ประกอบกับบ้านพักที่ พล.อ.ประยุทธ์อยู่มาตั้งแต่เป็นแม่ทัพคับแคบ เพราะเป็นบ้านระดับพันโท ขยายต่อเติมก็ทำไม่ได้มาก
ที่สำคัญ ชัยภูมิของบ้านหลังเดิมนั้นไม่ดี เนื่องจากรายล้อมไปด้วยตึกสูง ทั้งที่เป็นแฟลตพักของทหารในหน่วย และตึกสูงภายนอกหน่วย
แม้ต่อมามีการกั้นพื้นที่ไม่ให้เป็นทางผ่าน และสร้างรั้วกัน หากใครแล่นรถมาถึงหน้าบ้าน บิ๊กตู่ ก็ต้องมาบ้านหลังนี้เท่านั้น การจะผ่านมาสังเกตการณ์ จะเป็นที่ผิดสังเกต เพราะปลายซอยถูกทำให้เป็นทางตันต้องกลับรถออกเพื่อการ รปภ.
นี่จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ให้ตัวเอง และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
โดยเลือกพื้นที่ใน ร.1 รอ.ที่เดิม แต่ย้ายกระเถิบเข้ามายังด้านหน้าหน่วยริมบึงเพื่อให้มีลมถ่ายเทได้สะดวก และฮวงจุ้ยดีขึ้น เพราะหน้าติดน้ำไว้ก่อน ซึ่งได้อาศัยจังหวะที่ พล.อ.ไพศาล กตัญญ รอง ผบ.ทบ. เกษียณราชการแล้วย้ายออกไป พล.อ.ประยุทธ์ก็ยึดครองแทน
นอกจากนี้ ยัง ขอคืนพื้นที่ บ้านพักของ บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. ลูกพี่ลูกน้องของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รั้วติดกันคืน เพื่อจะมาขยายพื้นที่และสร้างบ้านหลังนี้ เนื่องจากมีรายงานเข้าหูว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ประชุมพบปะกันทางการเมืองอยู่เนืองๆ
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยึดครองมา 5 ปี หลังเกษียณแบบไม่ยอมย้ายออก แต่ไม่มีใครกล้าไล่เนื่องจากให้เกียรติอดีต ผบ.ทบ. แถม พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังอ้างว่า มีอดีต ผบ.ทบ.หลายคนที่ยังไม่ยอมออกจากบ้านหลวง ตั้งแต่ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ยึดบ้านสี่เสาเทเวศร์มานานกว่า 30 ปี, บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร ที่ยังอยู่ในบ้าน ร.1 รอ. โดยยึดเป็นที่ตั้งสำนักงานมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดแบบถาวร, “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ก็ยังอยู่บ้านพักใน ร.11 รอ.บางเขน ตั้งแต่เกษียณไปหลายปีแล้ว
ตามระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติ จะให้เวลาในการเตรียมย้ายออกจากบ้านหลังเกษียณราว 6 เดือน หรือ 1 ปีเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของสปิริต เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ก็ยังอยู่ในบ้าน ร.1 รอ.มาเป็นปีแล้ว
จนที่สุด พล.อ.ชัยสิทธิ์ก็ย้ายออกไปอยู่บ้านส่วนตัวย่านรังสิตด้วยใจเจ็บแค้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงเดินหน้าสร้างบ้านพักหลังใหม่บนเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องการพื้นที่บ้าน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ที่ยึดครองอยู่ราว 1 ไร่คืน เพื่อที่จะทลายรั้วและทุบบ้านทิ้ง แล้วสร้างใหม่เต็มพื้นที่นั่นเอง เพราะ การสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่ที่จะเป็นทั้งบ้านพัก ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องรับรอง ห้องจัดเลี้ยง วอร์รูมและเซฟเฮาส์ที่พร้อมสรรพ และทันสมัย ในแบบประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมจากที่ไหนในโลกได้เลย
ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ป. ทั้ง ป.ป้อม ป.ป๊อก และ ป.ประยุทธ์ ซึ่ง มีบ้านอยู่ใน ร.1 รอ. ด้วยกันทั้งหมด ก็มักใช้บ้านหลวงเป็นที่ประชุมพบปะทางการเมืองมาตลอด ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในค่าย ทหาร แล้วก็มีนักการเมืองเป็นอาคันตุกะมาที่บ้านทั้ง 3 หลังของ 3 ป.อยู่เนืองๆ เป็นที่ประชุมลับมาตลอดในช่วงวิกฤตเรื่อยมา
แถมทั้งนายสุเทพนั้นกลายเป็นแขกขาประจำ ไม่ว่า จะเมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ ผอ.ศอฉ. หรือตอนที่เป็นผู้สมัคร รับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี ไม่นับรวมนักการเมืองอีกหลายคน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บ้านพักหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นวอร์รูมปฏิบัติการลับตลอดเวลา 4 ปีที่เป็น ผบ.ทบ. หรืออาจหมายอยู่ยาวต่อจากนั้น และจะเป็นบ้านที่กว้างขวาง ถูกหลักฮวงจุ้ยและปลอดภัย โดยบ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 1 ปี แต่ยังไม่เสร็จสิ้นดี
ที่สำคัญคือ มีการวัดระยะแล้วว่า ที่ตั้งของบ้านใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ปลอดภัยจากระยะยิงของเอ็ม 79 ที่เคยเกิดเหตุมาแล้วแต่ตกแค่หน้าหน่วย ซึ่งไกลจากบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์มาก แม้ เวลานี้มือยิงเอ็ม 79 อย่าง “เสธแดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล จะลาโลกไปแล้วก็ตาม
มีการมองว่า การสร้างบ้านหลังนี้เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีแผนที่จะอยู่ในอำนาจยาวนาน และรู้ด้วยว่าจะต้องพบเจอภารกิจใด บ้างนับจากนี้
ร.1 รอ. และเซฟเฮาส์เลขที่ 702 จะเป็นสถานที่ให้กำเนิดและตัดสินชะตาบ้านเมืองอีกครั้งก็เป็นได้” วาสนาทิ้งท้าย