จากกรณีของ หยก นักเคลื่อนไหวทางการเมือง วัย 15 ปี นั้นได้ออกมาพูดถึงเรื่องการใส่ ชุดนักเรียน เพื่อไปโรงเรียน และประเด็นที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองอย่างมาก เมื่อ หยก ได้ทำการปีนรั้วโรงเรียน เพื่อเข้าไปศึกษา แต่ทางโรงเรียนไม่อนุญาตโดยให้เหตุผลว่า เนื่องจาก หยก ทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียนดังกล่าว แต่อีกแง่มุมนั้นมีกระแสตีกลับ ถึงการกระทำของ หยก โดยผู้ใช้โซเชียลหลายรายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การสวม ชุดนักเรียน หรือยูนิฟอร์ม มีประโยชน์หลายอย่าง อาทิ ลดความเหลื่อมล้ำในโรงเรียน อีกทั้งยังบ่งชี้ว่า เราเป็นนักเรียน แยกบทบาทของแต่ละคนได้อย่างชัดเจน

แต่แล้วในท้ายที่สุด ทางโรงเรียนนั้นมีหนังสือแถลงการณ์ออกมาแล้ว โดยระบุว่า "นางสาวธนลภย์ ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ" เนื่องจากการมอบตัวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ที่กำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องมามอบตัวที่โรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครอง (ผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖) อันเป็นเงื่อนไขสำคัญตามระเบียบและแนวปฏิบัติในการมอบตัว ซึ่งนำมาใช้กับนักเรียนทุกคน ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DATAMANAGEMENT CENTER : DMC) ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่มีฐานข้อมูลนักเรียนของ นางสาวธนลภย์ ในระบบตั้งแต่ต้น

ล่าสุด วีรพร นิติประภา นักเขียนนวนิยายชื่อดัง ก็ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของ หยก พร้อมชื่นชมในความชัดเจนที่เด็ก 15 สามารถแสดงเจตจำนงของตนเองได้ขนาดนี้ โดยระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Veeraporn Nitiprapha ว่า

เวลาไปขอทุนเรียนต่อเมืองนอก ตอนสอบสัมภาษณ์นี่หลายมหาวิทยาลัยเจ๋งๆ ดีๆ นอกจากเขาจะดูความหลากหลายทางเชื้อชาติวัฒนธรรม เขาจะถามด้วยว่าเคยทำอะไรมาบ้าง เด็กที่เคยทำงานอาสาและงานการเมือง ผิดถูกชอบไม่ชอบเรื่องไหนๆ ไม่ใช่ประเด็น เขาไม่สนใจ เขาไม่ตัดสินหรอก แต่เด็กที่มีเจตจำนงเข้มแข็งตั้งแต่อายุน้อยๆ มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อโลกที่ดีกว่า ต่อต้านโลกใบเก่า ประท้วงรณรงค์โน่นนี่มาจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ หลายมหาวิทยาลัยถึงกับกันที่มีโควตาให้กับเด็กนักกิจกรรมเด็กอย่างหยกนี่แหละที่โลกนี้มองหา นี่คือเด็กที่คนฉลาดๆ หวังจะฝากโลกเอาไว้ในมือ