ผกก.ยันไม่ใช่ซื้อบ้านไม่ตรงปก เป็นการรวมกลุ่มซื้อที่ดินสร้างบ้าน
เมื่อเวลา 14.30 วันที่ 13 มิถุนายน ที่สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายเกียรติคุณ ต้นยาง ว่าที่ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล นำผู้เสียหายจากโครงการก่อสร้างบ้านมั่นคง ที่สร้างเป็นเพียงเพลิงพักสังกะสี คล้ายห้องแถวคนงานก่อสร้าง สหกรณ์บริการเคหสถานร่วมใจพัฒนาตลาดเก่าจำกัดบริเวณหมู่ 8 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จำนวน 35 คนจากจำนวน 100 กว่าคน เข้าพบ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ สภ.บางบัวทอง เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีที่กลุ่มผู้เสียหายได้แจ้งความไว้เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว และรับฟังความคืบหน้าของคดี
โดย พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการซื้อที่ดินแล้วออมทรัพย์เพื่อจะสร้างบ้าน ออมเงินกันครบที่จะสร้างบ้านได้หรือยัง ประเด็นหลักคือไม่ใช่ได้บ้านไม่ตรงปก แต่เป็นการออมเงินเพื่อจะสร้างบ้านโดยมีหน่วยงานของรัฐ 2 หน่วย คือของพัฒนาสังคมและสหกรณ์จังหวัด ที่จะเข้ามาตรวจสอบตั้งแต่การตั้งสหกรณ์ ที่จะต้องมาตรวจสอบสมาชิกทั้งที่ยังอยู่และที่ลาออก รวมทั้งเงินของสหกรณ์ว่าหายไปเท่าไร เนื่องจากตั้งสหกรณ์มา 3 ปีมีเงินประมาณ 8 ล้านบาทจ่ายค่าที่ดิน 4 ล้านกว่า เงินเหลือในบัญชีตำรวจอายัดไว้ล้านกว่าบาท หายไปประมาณ 2 ล้านกว่าบาท
พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวอีกว่า แต่ในส่วนไปซื้อบ้านแล้วไม่ได้บ้าน ประเด็นนี้ผมว่าไม่ใช่ เพราะรวมกลุ่มกันเพื่อจะซื้อที่ดินแล้วก็จะสร้างบ้าน ปัญหาคือซื้อที่ดินได้หรือยัง จ่ายค่าที่ดินครบหรือยัง เรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะสอบเจ้าของที่ดิน และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก็จะลงมาดูเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะทราบว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพียงแต่ว่าข่าวที่ออกไปล่าสุดที่บอกว่าซื้อบ้านและไม่ได้บ้านมันคนละเรื่องกัน ถ้าซื้อบ้านแล้วไม่ได้บ้านอันนี้เป็นเรื่องของคุ้มครองผู้บริโภค แต่กรณีนี้มันไม่ใช่มันเป็นการกระทำความผิดในสหกรณ์ ที่รวมตัวกันแล้วท่านไม่ได้บ้าน
พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวว่า ซึ่งการกระทำความผิดในสหกรณ์ สหกรณ์จังหวัดนนทบุรี จะเข้ามาร่วมกับตำรวจสภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเอกสารมีความหนาเป็นฟุต เราต้องไล่เรียงทุกบัญชีและก็มีหลายคนไปชำระกับบุคคลภายนอก เดี๋ยวหัวหน้างานพนักงานสอบสวนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบปากคำผู้เสียหายทุกคน เพื่อจะเร่งรัดคดีนี้ เพราะรายละเอียดของเนื้อหาเยอะผู้เสียหายเยอะบางคนก็ยังไม่เข้ามาให้รายละเอียด รวมทั้งรอการสอบสวนของสหกรณ์จังหวัดซึ่งมีความเชี่ยวชาญมากกว่าพนักงานสอบสวน ส่วนตัวบ้านจะเป็นหน้าที่ของพัฒนาสังคมที่จะเข้าไปดำเนินการ
พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการตั้งสหกรณ์รวมตัวกันเพื่อจะซื้อที่ดิน ปัญหาคือรวมตัวกันซื้อที่ดินได้หรือยัง ที่พนักงานสอบสวนต้องถามโฉนดที่ดินเป็นชื่อของสหกรณ์หรือยัง แล้วสหกรณ์มีแผนที่จะสร้างบ้านเมื่อไร เรื่องนี้ไม่ใช่การซื้อบ้านไม่ตรงปก เราจะตั้งคณะกรรมการร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อพิจารณาความผิดทางอาญา กับกรรมการสหกรณ์และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
ยังไงคดีนี้ต้องคลี่คลายเพราะชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อจะซื้อที่ดิน เมื่อซื้อที่ดินได้แล้วก็หวังว่าจะสร้างบ้าน เราต้องไล่ทั้งหมดจากเริ่มต้น 200 กว่าคนต้องไล่ทุกบัญชีตั้งแต่การรวมตัวกันเอาเงินมาซื้อที่ดิน จนสรุปว่าที่ดินที่ซื้อไป 14 ล้านบาทใช้วิธีไหนซื้อ วางเงินสดหรือทำเครดิตแล้วผ่อนกันอย่างไร ต้องไล่กันตรงนี้ก่อนว่าจะเป็นข้อหาฉ้อโกงหรือข้อหายักยอกทรัพย์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรายงานผมว่าเงินหายไป 2 ล้านบาทไม่ทราบหายไปทางไหน ซึ่งในเบื้องต้นเรามองว่าเป็นข้อหายักยอก เนื่องจากเป็นการหายไปจากผู้ที่มีหน้าที่รักษาเงิน แต่ถ้าหากตรวจสอบว่าโครงการนี้โกง ก็จะเป็นข้อหาฉ้อโกง พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวว่า
นายเกียรติคุณ ต้นยาง ว่าที่ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องนี้ชาวบ้านได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมไปร้องผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และเมื่อเดือนธันวาคม 65 ได้มาแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.บางบัวทอง จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าผมจึงได้มาตามเรื่อง ก็เข้าใจว่าพนักงานสอบสวนน้อยแต่คดีเยอะ ข้อเท็จจริงเยอะเอกสารเยอะ เราก็เชื่อตำรวจด้วยศักดิ์ศรีของตำรวจคงไม่มาโกหก ตำรวจน่าจะอัพเดทข้อมูลบอกผู้เสียหายว่า คืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่หายไป 6 เดือน
นายเกียรติคุณ กล่าวว่า สหกรณ์แห่งนี้ก็ตั้งขึ้นโดยมีเจ้าหน้าที่มาแนะนำ มาบอกต้องตั้งเป็นสหกรณ์มารวมตัวรวมเงินกัน เมื่อรวมตัวกันได้ก็จะนำเงินไปซื้อที่ดิน หลังจากได้ที่ดิน ก็จะนำที่ดินเข้าในระบบสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) เพื่อให้พอช.ปล่อยกู้ปลูกบ้านสร้างบ้าน โดยสมาชิกก็จะผ่อนกับสหกรณ์ไปเรื่อยๆในราคาที่ตกลงกันไว้ หลังละ 2-5 แสนแล้วแต่ขนาด โดยมีสมาชิก 142 คน แต่มีบ้านที่อยู่แบบชั่วคราว 30 ห้อง เพราะมีบ้านผู้ประสบอัคคีภัยไฟไหม้ เขาเลยมาสร้างให้อยู่ชั่วคราวก่อน
นายเกียรติคุณ กล่าวอีกว่า โดยการจ่ายเงินชาวบ้านจะจ่ายเข้าสหกรณ์เดือนละพันสองพันสามพันบ้าง บางคนก็เก็บหลักฐานไว้บางคนก็ไม่ได้เก็บ แต่บางส่วนก็จะต้องนำไปจ่ายเป็นค่าสาธารณูปโภค แต่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นการออมทรัพย์จ่ายค่าซื้อบ้าน ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนก็อยากได้เงินคืน เพราะเห็นว่าคงไม่ได้บ้านแน่ แต่บางคนก็อยากได้บ้านเพราะเห็นว่าราคานี้ไปซื้อบ้านที่อื่นไม่ได้ ทุกคนก็ช่วยกันถามตามหาประธานสหกรณ์ในทุกช่องทางแต่ก็ยังติดตามตัวไม่ได้
ข่าวโดย สาโรจน์ สว่างศรี ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดนนทบุรี