รับไม่ได้ วุ่นแล้ว พรรคร่วมโวยแล้ว ก้าวไกล บีบทุกพรรคเดินตาม
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. สำนักข่าวดัง รายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า สำหรับเอ็มโอยูที่พรรคก้าวไกล ยื่นมาให้พรรคร่วมรัฐบาลนั้น เป็นการลงรายละเอียดโดยยึดหลักนโยบายของพรรคก้าวไกลเป็นหลัก อาทิ คืนความยุติธรรมจากผู้ได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองโดยไม่รวมความผิดคดีคอร์รัปชั่น และเป็นอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย ซึ่งพรรคร่วมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะเพื่อไทยที่มองว่า หากผลักดันเรื่องดังกล่าว จะถูกโยงว่า ทำไปเพื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และจะไม่ร่วมเซ็นในเอ็มโอยูหากมีประเด็นนี้ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลจะเสนอในนามพรรคในวาระต่อไป ก็ไม่ติดใจ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการยกเลิกการผูกขาดอุตสาหกรรมผลิตสุ รา ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งประเด็นนี้ พรรคประชาชาติ (ปช.) ไม่เห็นด้วย เพราะขัดกับหลักศาสนาอิสลาม ที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาชาติ
ทั้งนี้ จากประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอมาในเอ็มโอยูนั้น ทุกพรรคเห็นว่า เป็นประเด็นที่ผูกมัดบีบให้ทุกพรรคยอมรับในเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลมากเกินไป จึงอยากให้ปรับโดยเขียนเป็นหลักการกว้างๆ ไว้ก่อน แล้วค่อยนำนโยบายของแต่ละพรรคมาปรับใช้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม
เนื้อหาไม่มีการพูดถึงการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งประเด็นนี้ทุกพรรคเห็นด้วย เพราะไม่มีใครอยากให้นำประเด็นนี้มาผูกมัดในเอ็มโอยู จากการรายงาน ในเอ็มโอยูยังระบุถึงการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ว่าจะคำนึงถึงความเป็นธรรม เหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายพรรค ให้เกียรติ จริงใจ สนับสนุนการทำงานกันและกัน หากใครได้ตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วประพฤติในทางมิชอบ ต้องยุติการดำรงตำแหน่ง
แต่ในเรื่องการจัดสรรโควตารัฐมนตรีนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้รับการประสานอย่างเป็นทางการเข้ามาจากแกนนำก้าวไกล และยังไม่อยากให้คุยไปไกลถึงเรื่องดังกล่าว อยากให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อน และแปลกใจกับข่าวที่ออกมาเช่นนี้ ไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยมีเจตนาจองเก้าอี้ไว้ก่อนหรือไม่อย่างไร
เพราะปกติการแบ่งโควตานั้น ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการแล้วค่อยนำจำนวนส.ส.พรรคร่วมมาเฉลี่ยว่าแต่ละพรรคควรได้กี่เก้าอี้อย่างไร เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานรัฐสภาที่ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้รับการประสานมาแต่อย่างใด