ย้อนคำพูด ส.ว.วันชัย ในสภา วันนี้กลับพูดอีกแบบ
เรียกได้ว่ากำลังเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก หลังการเลือกตั้ง 2566 ซึ่ง พรรคก้าวไกล ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 และเริ่มมีแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับ พรรคเพื่อไทย และพรรคอื่น ๆ ซึ่งรวมเสียงได้ 309 ที่นั่ง แต่ก็ยังต้องลุ้นกับการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตหนึ่งเดียวของพรรค จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะยังต้องอาศัยเสียงในสภาซึ่งมี ส.ว. จำนวน 250 คน มาร่วมโหวตด้วย และจำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงรวมทั้ง 376 เสียง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ช่องสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ไลฟ์รายการ "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ" (ยามเย็น) โดยมีผู้ประกาศอย่าง สรยุทธ สุทัศนะจินดา พร้อมด้วย ไก่ ภาษิต และ ตูน ปรินดา ร่วมดำเนินรายการ ช่วงหนึ่งมีการโทร. พูดคุยกับ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภาสอบถามถึงแนวทางการโหวตเลือกนายกฯ ในมุมมอง ส.ว.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ในการอภิปรายเกี่ยวกับร่างยกเลิกอำนาจของ ส.ว. นั้น ทาง ส.ว.วันชัย ได้กล่าวว่า ร่างยกเลิกกฎหมายที่เสนอแก้กันนี้ ในการเลือกตั้ง พรรคเล็กจะหายไป พรรคใหญ่ทุนหนาจะผงาด และลดบทบาทภาคประชาชน ทำให้นายทุนพรรคครอบงำพรรค พรรคการเมืองจะกลายเป็นบริษัท และ ส.ส. จะเป็นเพียงพนักงานบริษัท เรากำลังปิดสวิตช์คนเล็ก คนน้อย คนยาก คนจน คนด้อยโอกาสที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมือง การทำแบบนี้เหมือนเป็นการเอาชนะการเมืองมากกว่าทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ตนขอพูดถึงเรื่องตัดมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดและหลงประเด็นกัน มันคือวาทกรรมโจมตี ส.ว. ทุกครั้ง และถ้าพิจารณาดูจากรัฐธรรมนูญด้วยจิตใจที่เป็นกลาง ไม่มีโมหะจริต อำนาจที่แท้จริงในการสถาปนานายกฯ หรือรัฐบาล คืออำนจของประชาชน ที่เลือกตั้งผ่านทาง ส.ส. รัฐธรรมนูญฉบับนี้ กำหนดอำนาจให้ ส.ส. เลือกคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ จะอยู่สั้นหรือยาว จะล้มหรือไม่ล้ม อยู่ที่ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับ ส.ว. ทั้งสิ้น อย่างที่มีหลายท่านได้พูดกันแล้ว
"ถ้า ส.ส. รวมกันได้เกิน 250 ยังไง ๆ ส.ว. ต้องเลือกคนนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี ขืนไปเลือกคนอื่นให้ไปเลือกนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล ท่านประธานก็ทราบอยู่แล้ว ท่านสมาชิกก็ทราบอยู่แล้ว รัฐบาลนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส.ว. ก็อยู่ไม่ได้ เพราะกำลังโหวตสวนกระแสประชาชน"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ (ยามเย็น) ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว นายวันชัยได้บอกว่า ก้าวไกลได้เสียง 151 ไม่ได้ 300 กว่าอย่างทักษิณ แล้วจะถือว่า ส.ว. เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้อย่างไร เรากำลังหลงประเด็นว่าก้าวไกลมาถล่มทลายจนต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ถ้าก้าวไกลได้ 250 พวกเรานักจัดรายการน่าจะตื่นเต้นเส้นกระตุกกัน แต่นี่ได้ 150 คราวที่แล้วเพื่อไทยก็ได้ใกล้ ๆ กัน ประชาธิปัตย์ก็เคยได้ใกล้เคียง
ตอนนี้เราคลั่งไคล้ของใหม่ ทั้งหน้าจอ ในจอ โซเชียล เราต้องผลักดัน คือถ้าไม่คิดจะผลักดันว่า ถ้าไม่เป็นรัฐบาล ก็เป็นฝ่ายค้านก็ได้ (ตูนแทรก ทั้ง ๆ ที่เขามาเป็นอันดับ 1 นี่เหรอคะ)
ในทางการเมือง มีหลายครั้งที่เสียงข้างมากไม่ได้เป็นรัฐบาล เช่น สมัย เสนีย์ ปราโมช (ตูนแทรก ซึ่งตอนนั้นมี ส.ว. มาร่วมโหวตนายกฯ ไหมคะ) แต่ ส.ว. ก็ไม่เกี่ยว เราประคับประคองรัฐบาลอยู่แล้ว แต่มันอยู่ที่ความสามารถของคุณพิธา พรรคก้าวไกล ส.ว. ไม่มีอะไรไปขวางคุณพิธา ไม่มีอะไรไปขวางเพื่อไทย ขวางแล้วได้อะไร จะได้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ไหม
"แล้วจริง ๆ คุณคอยดู สมการทางการเมืองไม่น่าใช่อย่างที่หน้าจอทีวีคิด (สรุยทธพูด ไม่ใช่สูตรก้าวไกลเป็นแกนนำ) ไม่รู้ ไม่ใช่สมการการเมืองอย่างที่เขาคิด ผมพูดแค่นี้"
"แต่ผมเดิมทีเดียวผมก็ติดว่าจะปิดสวิตช์ตัวเอง แปลว่าเราปฏิเสธ ไม่เห็นด้วย แต่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องเขียนให้ถึง 376 แต่ตัวผมเองชัดเจนอย่างที่เรียนมาแล้วตั้งแต่ต้น"
คลิป