เซ่นรักขม เสี่ยชุมพรฉุน.38ลั่นไกสาวใหญ่เจ็บ ตัวเองกลับเป็นศพปืนเป่าขมับดับคาบ้าน

เซ่นรักขม เสี่ยชุมพรฉุน.38ลั่นไกสาวใหญ่เจ็บ ตัวเองกลับเป็นศพปืนเป่าขมับดับคาบ้าน

เมื่อเวลา 22.15 น.ของวันที่ 9 พ.ค.66 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.อรรถพล สายทองแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต จ.ภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุยิงกันตายและบาดเจ็บภายในบ้านเลขที่ 89/421 หมู่บ้านพนาสนธิ์ วิลล่า บ่อแร่ ถ.ศักดิ์เดชน์ ต.วิชิต อ.เมือง จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.เสริมพันธ์ุ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้วผกก.สภ.วิชิตนำกำลังสายตรวจ-ชุดสืบสวน และตำรวจพฐ. แพทย์เวร รพ.วชิระภูเก็ต และมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแฝด 2 ชั้นตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านดังกล่าว หน้าบ้านมีชาวบ้านมายืนมุงดูเหตุการณ์และวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณชั้นล่างในห้องรับแขก ใกล้โต๊ะอาหาร พบผู้บาดเจ็บ คือ น.ส.ณัฐฑิณี ปานอินทร์ อายุ 57 ปีซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ถูกคมกระสุนถากบริเวณใบหน้าและจมูก เลือดอาบ เจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.วชิระภูเก็ตในเวลาต่อมา ส่วนที่พื้น พบร่างนายประจักษ์ ภิรมย์ศักดิ์ อายุ 57 ปี ชาวอ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ถูกยิงเข้าที่ขมับขวากระสุนทะลุ 1 นัด อยู่ในสภาพนอนหงายเลือดนองพื้น โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกวางอยู่ใกล้กับซองปืนสีดำอีก 1 อัน ภายในลูกโม่พบปลอกกระสุนปืนจำนวน 3 ปลอกและกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 2 นัด โดยบนโต๊ะอาหารมีกับข้าว เครื่องดื่ม วางอยู่

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ณัฐฑิณีกับนายประจักษ์เคยรักชอบคอกันตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน จากนั้นได้แยกย้ายกันไปมีครอบครัว โดยนายประจักษ์ทำอาชีพรับขุดสระ ถมดินและมีสวนทุเรียนอยู่ที่ จ.ชุมพร ส่วน น.ส.ณัฐฑิณีทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต แต่ต่อมาทั้งคู่กลับมาคบหากัน แต่ยังแยกกันอยู่นานๆจะมาหา โดย ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่นั่งทานอาหารและเครื่องดื่มอยู่บนโต๊ะอาหารภายในบ้านพักและเกิดการทะเลาะมีปากเสียงกัน ในลักษณะที่ฝ่ายคนเจ็บจะขอหยุดที่จะคบหากัน ทำให้นายประจักษ์ไม่พอใจ คว้าปืนที่พกมาด้วยยิงเข้าไปที่บริเวณเบาะนั่งใกล้โต๊ะอาหาร และได้ปรี่เข้าไปจับ น.ส.ณัฐฑินีกดใบหน้าเข้ากับกระจกหน้าต่างแล้วลั่นไก คมกระสุนถากใบหน้าและจมูกเลือดอาบ จากนั้นพบว่านายประจักษ์ถูกอาวุธปืนจ่อขมับเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทีมข่าวสยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ