หญิงหน่อย ประกาศทำไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งของโลก ผลักดัน คลองไทย เพื่อให้เป็น New Economic Corridor ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

หญิงหน่อย ประกาศทำไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งของโลก ผลักดัน คลองไทย เพื่อให้เป็น New Economic Corridor ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย ดร. โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ย้ำถึงจุดยืนไม่เอาลุง ไม่เอาความขัดแย้ง ยุติสงครามความขัดแย้งการเมือง 2 ขั้ว นำพาประเทศไทยเข้าสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง พร้อมดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ ให้มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงและมีศักดิ์ศรี ยกระดับเศรษฐกิจไทย ให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง สร้างประชาชนคนไทยให้มีรายได้เพียงพอ และขจัดความยากจนถาวร

ด้วยนโยบายทำให้ไทยเป็นเป็น ศูนย์กลางขนส่งของโลก (Golbal Gateway) ผลักดัน ส คลองไทย เพื่อให้เป็น New Economic Corridor ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก เร่งเชื่อมรถไฟความเร็วสูง BRI จากจีนลงมาถึงภาคใต้เขื่อมมาเลเซียซึ่งไทยอยู่ในทำเลที่ที่ตั้ง(location)ดีที่สุดของโลก ซึ่งปัจจุบันการเจริญเติบโตอยู่ในฝั่งตะวันออกและไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ดังนั้น จึงตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการเดินทางและโลจิสติกส์ในอาเซียน เชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย สร้างเครือข่ายคมนาคมขนส่งทางบก ทั้งทางราง ถนน ท่าเรือ เพื่อเชื่อมเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เส้นทางเดินเรือ และเขตเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ผลักดันโครงการพัฒนาคลองไทยอย่างจริงจัง โดยจะให้มีการศึกษาเชิงลึกถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็น New Engine ในการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เป็นศูนย์กลางการลงทุนของคนทั่วโลก และเป็น New Global Economic Corridor ของภูมิภาคอาเซียนและของโลก

ด้าน ดร. โภคิน พลกุล ย้ำเป้าหมายของพรรคไทยสร้างไทยที่ต้องการนำพาประเทศให้หลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีรายได้เฉลี่ย 500,000 บาทต่อปี ซึ่งปัจจุบันจากข้อมูลในปี 2562 พบว่าใน 30 จังหวัดหรือประชากรประมาณ 21.3 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียง 77,000 บาทต่อปี อีก 24 จังหวัดหรือประชากรประมาณ 18.8 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่ำกว่า 150,000 บาทต่อปี และมีเพียง 23 จังหวัดหรือประชากรประมาณ 19.1 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 440,000 บาทต่อปี ด้วยสภาพดังกล่าว ย่อมไม่สามารถพาประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางได้

ในด้านนโยบายต่างประเทศ ส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จากนโยบายเส้นทางสายไหมของจีนที่เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่อยู่ภายใต้การบริหารงานของราชการ จึงเห็นควรให้การอนุมัติและการอนุญาตในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นหน้าที่ขององค์กรประชาชนในพื้นที่ ทั้ง SMEs ขนาดย่อย ย่อมเล็ก กลาง เพื่อเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ อีกทั้งควรริเริ่มแสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน-ไทย-อินเดีย รวมทั้งอาเซียน

จากการศึกษาที่ผ่านมาของพรรคไทยสร้างไทย พบว่าประเด็นด้านความมั่นคงและแหล่งเงินทุนในการพัฒนาไม่ใช่ปัญหา แต่จำเป็นต้องเน้นจุดยืนบนหลักการสันติภาพ ปราศจากการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่งของไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า รองรับการเปลี่ยนแปลงระดับโลกด้วยการสร้างพื้นที่และกลไกทางเศรษฐกิจในบริเวณของคลองไทย หรือ คลองสันติภาพ ซึ่งเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน ให้ประเทศไทยเป็น Gateway ในภูมิภาคและระดับโลก

ทีมข่าวสยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ