หญิงหน่อย เปิดใจ ภารกิจสุดท้าย ปิดสวิตช์รัฐประหาร ไม่เป็นนอมินีให้ใคร
วันที่ 1 พ.ค.2566 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและ แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย ได้จัดวันคล้ายวันเกิด 1 พ.ค. อายุ 62 ปี ที่ทำการพรรคซอยลาดปลาเค้า กรุงเทพมหานคร โดยมีแกนนำและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมอวยพรวันเกิดบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเปิดใจว่า ตนขอขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนทั้งคณะกรรมการบริหารไปจนถึงผู้สมัครทุกคนที่ได้ร่วมกันจับมือเดินหน้า ทำพรรคใครสร้างไทยมาด้วยกัน ทุกคนทำงานด้วยกันอย่างทุ่มเทเพื่อที่จะเอาชนะมาให้กับประชาชน เพราะวันนี้ประชาชนเหนื่อยยากมาก สุดารัตน์และคณะไทยสร้างไทยทุกคนยอมเหนื่อยเพื่อให้ประชาชนหายเหนื่อย เพราะนายใหญ่ของเราคือประชาชน
สงครามการเมืองครั้งนี้จะมีการซื้อเสียงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การซื้อเสียงคือการดูถูกประชาชน เมื่อได้รับการเลือกตั้งก็เข้าไปโกงกิน แต่สงคราม 2 ขั้วนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ที่แพ้ไม่ได้ เราอาจจะได้เห็นว่าเมื่อการเมืองจบแต่เกมจะไม่จบ ผู้แพ้ก็คือประชาชน ความเสี่ยงในครั้งนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การทำรัฐประหาร ตนและพรรคไทยสร้างไทยจะไม่ยอมให้เกิดการรัฐประหารอีกแล้ว
ตนทำงานมาทั้ง 32 ปี เจอรัฐประหารมาแล้ว 3 ครั้งในชีวิตการเมือง ครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุด การเมืองที่ยังวนลูปวงจรอุบาทว์แบบนี้ กำหนดให้นักการเมืองบทบาทต้องเล่นไปตามเกมแบบเดิมๆ แข่งกันด้วยนโยบายนำเงินในอนาคต มาแจกแบบฟรีๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจ นี่ก็จะเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของการคลัง และเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงและยั่งยืน นำไปสู่ความขัดแย้งจนถึงรัฐประหารอีกครั้ง
พรรคไทยสร้างไทยของอาสาที่จะเป็นพรรคการเมืองแบบใหม่ ที่จะทำการเมืองแบบใหม่ๆ ไปไล่การเมืองที่คิดแบบเก่า เราจะทำการเมืองแบบที่ ประชาชนมีส่วนร่วม ในประชาธิปไตย ซึ่งบันไดขั้นที่ 1 คือการส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าสู่สภา โดยได้เริ่มทำไปแล้วตั้งแต่ยังไม่มี ส.ส.ด้วยซ้ำ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวช่วงสุดท้ายว่า ยังย้ำจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยว่า เป็นพรรคประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นพรรคที่จะไม่สร้างเงื่อนไข ในการที่จะเอาอำนาจประชาชน มาสร้างประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง จะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการอย่างเด็ดขาด และตลอดอายุการเมือง 32 ปีไม่เคย เกี่ยวข้องกับใครและไม่เป็นนอมินีของใครเพราะในใหญ่ของเราคือประชาชนเท่านั้น
เรียบเรียง สยามนิวส์