ยิงหนุ่มวัย 35 ปี สักเสือเผ่นกลางหน้าอกดับคาวงเหล้า
สืบเนื่องเย็นวันที่ 28 เมษายน 66 ร.ต.อ.สากล พลเวียง รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองหญ้าปล้อง จ.เลย แพทย์ รพ.วังสะพุง กู้ชีพหนองหญ้าปล้อง เดินทางไปที่เกิดเหตุ ข้างร้านนัทโมบาย ตรงข้ามโรงเรียนเหมืองแบ่ง ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย พบผู้เสียชีวิตชื่อนายวีรยุทธ พรมทา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 1 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนแก๊ปสั้นเข้าที่หน้าอก 1 นัด จนเสียชีวิตภายในวงเหล้า ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายมงคล พลซา อายุ 37 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.ฮอนด้าดรีม ไม่ทราบชื่อ ทะเบียน ขรก 225 สุโขทัย หลบหนีไป
จนมาวันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ พบ ตร.นำเชือกมากั้นไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไป พบว่ามีขวดเหล้าวางอยู่ที่พื้น และแคร่ไม้ที่ผู้เสียชีวิตนอนตายอยู่ข้างแคร่ไม้ บรรยากาศเงียบเหงาไม่มีใครอยู่ ทราบว่า ตร.สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว จึงเดินทางไปที่ สภ.หนองหญ้าปล้อง พบนายน้อย (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เพิ่งให้ปากคำกับ พงส. เสร็จสิ้นกำลังกลับบ้าน
นายน้อย เล่าว่า เมื่อวานนี้มีการตั้งวงดื่มสุรากันตั้งแต่ช่วงสาย โดยซื้อมาดื่มกันเรื่อยๆ คนที่มาร่วมวงก็จะเป็นคนรู้จักกันแถวนั้น และจะสลับสับเปลี่ยนกันไปมา โดยนายมงคล ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาร่วมดื่มด้วยในช่วงบ่าย 2 โมง ระหว่างนั้นก็เห็นว่านายมงคล พกปืนไทยประดิษฐ์ใส่กระเป๋ามาด้วย แล้วมีการนำออกมาเพื่อนำลูกปืน (ลูกปลาย) มายัดใส่ไว้ในปืนแล้วนำกากมะพร้าวมายัดใส่อีกรอบ (คล้ายพวกปืนยิงนกยิงปลาสมัยก่อน) แล้วยัดกลับไปไว้ในกระเป๋าอีกรอบ จากนั้นนายมงคล คนก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหายไป แล้วกลับมาอีกรอบช่วง 5 โมงเย็น ซึ่งตอนนั้นผู้ตายเข้ามาร่วมวงด้วยแล้ว โดยทั้ง 2 คนนั่งฝั่งตรงข้ามกัน ไม่ได้มีทะเลาะกัน กระทั่งตนเข้าในบ้านก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด (คนตายโดนยิง) ก่อนจะออกมาดูพบว่าผู้ตายถูกยิงเข้าหน้าอกแล้วเอามือมาปิดแผลไว้ ก่อนจะล้มลงไปนอนใต้แคร่ ส่วนคนก่อเหตุค่อยๆ เดินไปที่รถจักรยานยนต์แล้วหลบหนี สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่รู้เลยว่าทั้ง 2 คนทะเลาะอะไรกัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องเก่า หรือเคยมีปัญหากันมาก่อน เพราะตอนมานั่งดื่มร่วมกันก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน สำหรับตัวของคนก่อเหตุ กับคนตาย ทั้งสองคนนี้ก็พอตัวทั้งคู่เพียงแต่ว่าตอนเกิดเหตุคนยิงพกปืนมาด้วยเท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน ตร.ชุดสืบสวน ได้นำตัวนายมงคล พลซา กลับมาจากตรวจเขม่าปืนที่ พฐภ.จว.เลย เมื่อลงจากรถกระบะ ผู้สื่อข่าวพยายามถามเหตุจูงใจที่จะต้องยิง แต่ผู้ก่อเหตุไม่ตอบเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องทำงานชุดสืบสวน โดยเบื้องต้นผู้ก่อแหตุหลังก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.หลบหนีไปบ้านพ่อที่บ้านนาดอกไม้ ที่อยู่ห่างออกไป จนรถ จยย.น้ำมันหมด โทรหาพ่อและพี่สาวขอเงินเติมน้ำมันเพื่อหลบหนี แต่พ่อและพี่สาวไม่ให้ จนตำรวจตามจับกุมตัว อ้างว่าที่ยิงผู้ตายเพราะมีปากเสียงกัน จนผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจึงยิงป้องกันตัว ส่วนปืนโยนทิ้งไปแล้ว ส่วนผู้ต้องหาเคยต้องทาคดีฆ่าคนตายมาแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2556
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านผู้ตาย พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบนางเกษลิน ธรรมจิตร อายุ 57 ปี แม่ของผู้ตาย กำลังจัดเตรียมงานศพให้ลูกชาย ล่าให้ฟังว่า โดยปกติแล้วทุกวันในเวลา 5 โมงเย็นลูกชายของเธอจะไปปั่นจักรยานออกกำลังกายในหมู่บ้าน ซึ่งเธอไม่ทราบเลยว่าลูกชายไปนั่งร่วมวงดื่มสุราได้ยังไง แต่เชื่อว่าลูกชายเธอไม่ได้ไปหาเรื่องผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะเธอรู้จักนิสัยลูกชายดีว่าไม่ใช่ที่จะไปหาเรื่องใครก่อน
ส่วนคำให้การของคนก่อเหตุที่อ้างว่าทำไปเพราะป้องกันตัว อันนี้เธอขอไม่เชื่อ เนื่องจากคนก่อเหตุจะอ้างยังไงก็ได้ แต่ลูกชายเธอไม่มีโอกาสที่จะได้ออกมาพูดอะไรเลย ดังนั้นจึงอยากให้ตำรวจสอบสวนคดีให้ชัดเจน และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับปมสาเหตุเธอไม่ทราบแน่ชัดเนื่องจากลูกชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง แต่เธอพอจะทราบจากเพื่อนๆของลูกชายว่า ลูกชายกับคนก่อเหตุเคยทีปากเสียงกันมาก่อน เรื่องที่คนก่อเหตุไปทะเลาะเรื่องผู้หญิงกับคนที่ลูกชายเธอรู้จักแล้วจะต่อยกัน แต่ลูกชายเป็นคนเข้าไปห้าม คนก่อเหตุจึงมีปัญหากับลูกชายเธอไปด้วย ซึ่งข้อมูลตรงนี้เธอก็อยากให้ตำรวจสอบสวนด้วยเช่นกัน
สำหรับเรื่องของคดีเบื้องพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคนก่อเหตุฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเสพยาเสพติด นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าคนก่อเหตุเคยมีคดีพยายามฆ่าผู้อื่นเมื่อปี 2556 อีกทั้งตัวของคนก่อเหตุเป็นคนที่ชอบพกปืนตลอดเวลา หากเมาสุราก็จะชอบเอาปืนออกมายิง
ข่าวโดย บุศย์ สิริปัญญาพร ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดเลย
เรียบเรียง ทีมข่าวสยามนิวส์