แม่ค้าตลาดนัด ฝากถึงรัฐบาลใหม่ ดูแลเรื่องปากท้องประชาชนอย่างจริงจัง ผวาค่าไฟ ไม่กล้าดูแม้กระทั่งบิล
นับถอยหลังเหลืออีก 19 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้ง ส.ส.กันแล้ว ที่ผ่านมาต้องยอมรับกันตรงๆว่าเศรษฐกิจค่อนข้างย่ำแย่ ประชาชนมีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย หลังจากเลือกตั้งแล้วเสร็จ ก็จะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศและเร่งดำเนินการตามนโยบายพรรคการเมืองแต่ละพรรคได้หาเสียงเอาไว้
วันนี้ 25 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 4 เบอร์ 5 ได้ลงเดินพบปะประชาชนในตลาดนัดบริเวณวัดหนองรี ตำบลหนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี จากเสียงของประชาชนและผู้ค้าขายในตลาดนัดแจ้งผ่านสื่อว่า ค้าขายไปตามชุมชนที่มีนัด พบว่าส่วนใหญ่ ประชาชนพูดกันมากคือเศรษฐกิจไม่ดีเลย กำลังซื้อน้อยมาก ส่วนพ่อค้าแม่ค้า ก็บอกว่าขายได้แค่เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ แค่มีส่งลูกเรียนก็ประหยัดกันสุดๆ หากมีหนี้สินทุกวันนี้อยู่ลำบากแน่ ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ทุกอย่างสูงขึ้นหมด ไม่เคยเจอแบบนี้ ผู้บริโภคก็ใช้จ่ายน้อยลง ค้าขายจะดีก็แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น ค้าขายไม่มีเวลาประกอบอาหาร รู้ว่าจะประหยัดมากกว่า ซื้ออาหารสำเร็จต่อมื้อไม่ต่ำกว่า 300 บาท ค้าขายกำไร อย่างละ 3-5 บาท ก็ลองคิดดูแล้วกันสภาพเศรษฐกิจแบบนี้จะเอาที่ไหนมาเก็บไม่เหมือนในอดีต ราคาน้ำมันไม่แพง ขนาดนี้ก็ยังพอมีเก็บบ้าง เสียงของแม่ค้าขายของไปและก็ก้มหน้าพูดบอกปัญหาคับแค้นในใจผ่านฝากสื่อออกไป
จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณไอ อายุ 33 ปี ชาว ต.หนองรี อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี อาชีพแม่ค้าเดินสายขายทุเรียนตามตลาดนัดเกี่ยวกับปัญหาปากท้องและเรื่องเศรษฐกิจ รวมทั้งเรื่องการเมืองเท่าที่แม่ค้าขายทุเรียนอย่างคุณไอ จะพูดได้
โอกาสนี้ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้กล่าวว่า เวลานี้เสียงตอบรับจากประชาชนดีมากๆ ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรม สินค้าเกษตรวันนี้ตกต่ำ น้ำมันแพง ปุ๋ยแพง ค่าตรองชีพสูง พืชผลทางการเกษตรไม่ได้ราคาเท่าที่ควร เกษตรกรจึงเดือดร้อนมาก ทั้งน้ำทางการเกษตร นโยบายของพรรคเพื่อไทย ตรงกับปัญหาเหล่านี้ จึงทำให้เสียงตอบรับกลับมาดีมากๆ ตนเองก็ลงเดินตามตลาดนัด เข้าถึงประชาชนรากหญ้า เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงนโยบายแท้จริง แล้วนโยบายของเพื่อไทย ชัดเจน เรื่องลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน เรื่องยาเสพติด และอีกหลายๆเรื่อง คิดว่าเลือกตั้งครั้งนี้กาญจนบุรี คงได้ทั้ง 5 เขต แน่นอน ปล่อยเสียง นายศักดิ์ดา อดีตอธิบดีกรมน้ำบาดาล กล่าวทิ้งท้าย
สุดท้ายแม่ค้าที่ไปค้าขายของนัดหลายแห่งบอกเพียงว่านายกและผู้สมัคร มันอยู่ในใจไม่สามารถบอกได้ ส่วน คุณไอ แม่ค้าทุเรียนกล่าวว่า อันดับแรกเลยอยากจะให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ หากทำได้ปัญหาปากท้องของประชาชนก็จะหมดไป
ซึ่งครอบครัวของตนอยู่ด้วยกันห้าคน บางวันไม่มีเวลาทำกับข้าวกินเอง จำเป็นต้องไปซื้อข้าวกล่องมากิน ปัจจุบันข้าวกล่องราคาแพงมากตกกล่องละ 60 บาท กินข้าวเพียงแค่หนึ่งมื้อตกมื้อละถึง 300 บาท ส่วนค่าไฟของเดือนมีนาคม ตนจ่ายไปกว่า 2,000 บาท และเดือนล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำบิลค่าไฟฟ้ามาให้ที่บ้าน แต่ตนไม่กล้าที่จะดูยอดเงิน จึงให้เสียบเอาไว้ที่เสาหน้าบ้าน ทุกวันนี้บิลยังอยู่ที่เดิม
ถามว่าแล้ววันเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้จะเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองใดนั้น เนื่องนี้ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เพราะขอดูนโยบายของแต่ละพรรคให้ชัดเจนก่อน ว่าพรรคการเมืองพรรคไหนจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง เพราะตอนนักการเมืองหาเสียงทุกคนก็บอกว่านโยบายของตนเองดีไปทั้งหมด
แต่ในใจตนเลือกเอาไว้ 2 พรรคที่จะลงคะแนนให้คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เพราะฟังจากนโยบายของทั้งสองพรรคค่อนข้างที่จะทำได้ตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ แต่ก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกพรรคไหนดี แต่ถ้าหากพูดถึงพรรคเพื่อไทยแล้วตนยังมีความเชื่อมั่นในนโยบายและตัวของท่านนายกทักษิณ เพราะในยุคที่ท่านทักษิณเป็นนายก เป็นยุคที่ขายของแล้วมีเงินเก็บ แต่มาในยุคนี้เศรษฐกิจถดถอยลงทุกวัน ขายของได้แต่ไม่มีเงินเก็บ เพราะต้องนำไปใช้เป็นค่าครองชีพ ซึ่งการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงเชื่อว่าประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงและประชาชนจะออกมาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก แม่ค้าอีกหลายๆ คนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเลือกใครทั้ง นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.เขต นั้นมันอยู่ในใจไม่สามารถบอกได้เวลานี้ ขอให้ถึงวันนั้นแล้วจะเข้าไปเลือกใครที่มันอยู่ในใจเรา บรรดาแม่ค้า พ่อค้ากล่าวทิ้งท้าย
ข่าวโดย ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดกาญจนบุรี