กุ้งพลอย เล่าทั้งน้ำตา ศรราม กีดกันไม่ให้เจอ วีจิ สั่งห้ามเข้าหมู่บ้าน รปภ.ต้องก้มกราบ

กุ้งพลอย เล่าทั้งน้ำตา ศรราม กีดกันไม่ให้เจอ วีจิ สั่งห้ามเข้าหมู่บ้าน รปภ.ต้องก้มกราบ

ออกมาเปิดใจเสียงสั่นทั้งน้ำตา สำหรับ กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ อดีตภรรยาของ หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ กับเหตุการณ์ล่าสุดที่เจ้าตัวได้บุกไปบ้านของอดีตสามี ซื้อขนมไปแขวนไว้ให้กับลูกสาว โดยกุ้งพลอยเล่าว่า จริงๆ แล้วไม่ได้เจอลูกมานานมาก ประมาณ 3 เดือน จากกำหนดที่จะได้เจอ จนเราได้กำหนดไปเจอแล้วก็ไม่ได้เจอ เหตุผลที่ไม่ได้เจอ เพราะ ตอนนั้นก่อนที่เราจะไม่ได้รับอนุญาตในการวิดีโอคอล เราโทรหาลูกทุกวัน ซึ่งการโทรวิดีโอคอลมันก็ยากมากๆ เพราะมันไม่มีกำหนด เช่น คนอื่นน่าจะโทรเมื่อไรก็ได้ แต่เราไม่สามารถโทรได้ทุกเวลาที่อยากจะโทรหรืออยากจะเจอลูก

ณ วันนั้น เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นคือ ลูกสาวมาบอกว่า แม่อยากไปดูหนูว่ายน้ำไหมวันเสาร์ เราก็รับปาก และในช่วงที่คุยวิดีโอคอล ณ ตอนนั้น ก็เห็นว่ามีใครหลายๆ คนนั่งอยู่บริเวณนั้น ก็น่าจะได้ยินการตกลงหรือที่เราคุยกับลูก ซึ่งมันก็ไม่น่าผิดกฎหมายที่แม่จะไปเจอลูกที่โรงเรียน หรือที่ว่ายน้ำ เพราะตามกฎหมายผู้ปกครองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ควรจะกีดกันหรือห้าม

ถ้าเขาแมนพอ แบ่งปันได้มากพอกว่านี้อีก เขาจะรู้ว่าการที่แม่เจอลูกมันไม่ใช่เรื่องอันตรายอย่างที่เขาเข้าใจมาตลอด สิ่งที่เขาทำทุกอย่างไม่มีอันตรายเลย แต่สิ่งที่คนเป็นแม่ทำหลายๆ อย่าง มันถูกกำหนดในใจเขา ไม่ใช่ทางกฎหมายแต่มันคือสิ่งอันตราย เราพยายามปรับความเข้าใจตรงนี้ตลอด ให้กำลังใจตัวเองมาโดยตลอด ด้วยความที่ไม่อยากจะมีปัญหา ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องฟ้องศาล พยายามกดดันทางโซเชียลบ้าง เพราะพอคุยกันตัวต่อตัวก็ไม่ได้

วันนั้นก็ไปที่ว่ายน้ำ เราก็ไปลงว่ายกับลูก อยู่ดีๆ พี่เขาที่อยู่ข้างสระก็ตะโกนขึ้นมา บอกว่าลูกสาวไม่มีสมาธิ แล้วก็ตะโกนด่าเรา ไม่ได้เกรงใจหรือให้เกียรติเราเลย มันไม่แมน แล้วลูกก็อยู่ตรงนั้น เขาอยู่ในแขนเรา เขาก็หันมามองว่าดูสิว่าเราจะตอบโต้ยังไง ถ้าลูกไม่อยู่มีด่ากลับแล้ว แต่นี่ลูกอยู่ในแขนเรา เราก็ต้องเก็บอาการ เราพูดไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ตะคอกกลับ แต่มันเป็นการให้เหตุผลว่าทำไมลูกอยากให้แม่มาอยู่ในสระด้วย ทำไมถึงไม่ได้

เขาก็ตะโกนว่ามาอะไรหลายๆ อย่าง เราก็บอกเลยว่าพี่เป็นแบบนี้ไม่แมนพอ ไม่ให้เกียรติความเป็นแม่ หนูอาจจะฟ้องพี่ก็ได้ จากนั้นก็จบกันไป เราก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรแล้ว เราอดทนได้ กับเขาที่ไม่ควบคุมอารมณ์ ตะโกนด่าเราต่อหน้าลูก ใช้กิริยามารยาท บริบทที่มันทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้แมนพอ เรายังแมนพอมากกว่าเขา

ระหว่างที่ลูกอาบน้ำ ลูกบอกพี่เลี้ยง อาบเร็วๆ สิ อยากไปหาแม่แล้ว เข้าใจความรู้สึกนี้ไหม เรายืนหน้าห้องรอเขาอาบน้ำ ทั้งเราและลูกรอที่จะได้มีเวลาด้วยกัน เรากำลังจับมือกันแม่ลูก แต่พอลูกออกมา เขาก็แบกลูกขึ้นบ่าและพาไปขึ้นรถเลย และบอกเราว่าไปเจอกันที่ศาล

ซึ่งตัวเราไม่คิดว่าจะต้องไปเจอที่ศาลหรอก มันไม่ได้อยู่ในใจเราตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้เหมือนสถานการณ์กำลังจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ เราว่าพี่เขาน่าจะเป็นคน 7 วัน 7 อารมณ์นะ ไม่มีอารมณ์ที่เป็นมาตรฐานและตายตัว ถ้าเป็นอารมณ์มาตรฐานและตายตัว คิดอะไรแล้วมีหลักเป้าหมาย และชัดเจน มันจะไม่โลเลขนาดนี้

ไม่มีกำหนดว่าจะได้เจอลูกสาวอีกเมื่อไร ถ้าเขาอยากให้ไปฟ้อง เราต้องมาคิดอีกทีว่าพฤติกรรมและบริบทที่เขาทำตอนนี้มันจะไปถึงตอนนั้นหรือเปล่า แต่เราเป็นแม่ กลายเป็นว่า เราไม่อยากฟ้อง การโต้เถียงผ่านโซเชียลมันก็มากพออยู่แล้ว เราลองมาปรับทัศนคติไหม ไม่ใช่ให้ผู้หญิงมาปรับอยู่คนเดียว

ส่วนเรื่อง รปภ. ไม่ให้เข้า เขาก็จะห้าม รปภ. ไม่ให้เราเข้าไป แต่ด้วยความที่ รปภ. เขาเอ็นดูเรา และวันนี้เป็นวันเกิดของลูก เขาก็อนุญาตให้เข้าไปแต่ไม่ได้เข้าบ้าน และเราก็ต้องไม่ทำให้ รปภ. เดือดร้อน เพราะมันมีครั้งหนึ่งที่เขานั่งลงจะกราบ บอกคุณติ๊กออกไปเถอะครับ ผมไม่อยากถูกไล่ออก เราก็ท้อเหมือนกัน ก็ต้องกลับทั้งๆ ที่เรารู้ว่าลูกอยู่บ้าน เพราะเขาเพิ่งลงคลิปเป่าเค้ก ก็ไม่เป็นไรเขาบอกว่าลูกหลับ ก็มีวิธีมาหาเหตุผลมาทำให้สบายใจได้ ทั้งๆ เหตุผลนั้นมันจะจริงหรือไม่ก็ตาม

ต่อไปนี้น่าจะเจอลูกยากกว่าเดิม แต่เราต้องมูฟออน ไม่ให้ใครคนหนึ่งมาทำให้เราวนลูปความเจ็บปวดที่มีแค่เขาคนเดียวที่ลิขิต เป็นผู้กำหนดโชคชะตาให้เจ็บปวด โดยเอาเรื่องลูกมาเป็นเครื่องมือและโล่กำบัง ส่วนเรื่องการฟ้องร้อง ต่อให้เราทะเลาะกัน มันยังเบากว่าการไปฟ้องร้อง ขอแค่คนเรามันมีเมตตา จริยธรรมข้างใน มันไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ลูกไม่ได้ออกมาจากคนเดียวได้ มันต้องทำด้วยกัน มันต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่ทำด้วยกัน ลูกออกมาน่ารักแล้วไม่แยแส เห็นแก่ตัวอันนี้เป็นอะไรที่เราไม่ชอบ มันไม่แมน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ