คิดถึงความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสิ่งแรกเสมอ พีระพันธุ์ ชูนโยบาย รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน

คิดถึงความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสิ่งแรกเสมอ พีระพันธุ์ ชูนโยบาย รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน

จากกรณีที่ได้มีการจับฉลากเลือกเบอร์พรรค สำหรับวันแรกมีพรรคการเมืองทั้งหมด 49 พรรคที่การจับสลากจะแบ่งเป็น 2 รอบ คือ การจับสลากครั้งที่ 1 ซึ่งประธาน กกต.จับสลากชื่อพรรคการเมืองเพื่อจัดลำดับพรรคการเมืองที่มีสิทธิจับสลากลำดับในการยื่นใบสมัคร

และการจับสลากครั้งที่สอง ให้หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค การเมืองผู้ที่ได้รับมอบหมายทำการจับสลากเรียงลำดับ ตามผลการจับสลากครั้งแรก เมื่อพรรคจับสลากได้หมายเลขใด ให้ถือเป็นลำดับในการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร

โดยเพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า จับสลากเบอร์ พรรครวมไทยสร้างชาติครับ

โพสต์ดังกล่าว

พีระพันธุ์ ได้เบอร์พรรค 22

ภาพจาก  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga

ภาพจาก  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga

นายพีระพันธุ์ ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน ทำต่อ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้ ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของนโยบายเกี่ยวกับการ รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชนและเป็นอุปสรรคการทำกิน นั้น พรรครวมไทยสร้างชาติได้ดำเนินการเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีการร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนจำนวนมากประสบความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน ที่มีสาเหตุจากความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ความซ้ำซ้อนของกฎหมายหลายฉบับของแต่ละหน่วยงานที่ถือกฎหมายคนละฉบับ ทำให้ประชาชนถูกดำเนินคดี ด้วยเรื่องที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และไปอยู่ในแนวเขตอุทยานแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าสงวนต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติผลปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่า One map จำนวน 11 จังหวัดในภาคกลาง ไปเมื่อปี 2565 และจะนำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกินในที่ดินนั้น โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฟ้องขับไล่หรือถูกดำเนินคดีอีกต่อไป และจะได้มีการดำเนินการในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น เราจะปรับแก้กฎหมายนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อดำเนินการต่อยอดให้ผู้ยากไร้ไม่มีที่ทำกินมีโอกาสมีที่ทำกินมากขึ้น

กฎหมายทุกวันนี้ออกมาจากคนที่ถือกฎหมายคิดเองเขียนเอง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทำกิน ซึ่งมีหน่วยงานเกี่ยวข้องเยอะแยะไปหมด ก็ต้องเอากฎหมายเหล่านี้มาแก้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีนโยบายเกี่ยวกับที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ แต่ก็ยังไม่สามารถเคลียร์ได้อีกหลายเรื่อง ก็ต้องแก้กฎหมายต่อไป อีกตัวอย่างคือในสังคมเมืองที่เห็นได้ชัด ก็คือ การขออนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งต้องดำเนินการหลายขั้นตอน แม้แต่เรื่องง่าย ๆ เช่น ถ้าจะเปิดร้านอาหารสักร้านกว่าจะเปิดได้ต้องผ่านหลายกระทรวง ทำไมเราไม่ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยให้แต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องประกาศเป็นกฎระเบียบออกมาล่วงหน้า ใครที่อยากเปิดร้านอาหารก็ดำเนินการตามกฎเกณฑ์เหล่านั้น และเปิดร้านได้ทันทีโดยไม่ต้องรอใบอนุญาต เพียงแต่ต้องแจ้งภาครัฐให้มาตรวจสอบเพื่อออกใบอนุญาตตามหลัง โดยไม่ต้องเสียโอกาสในการทำมาหากิน นายพีระพันธุ์กล่าว

เรียบเรียง สยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ