เผาแล้ว เหยื่อรถตู้บวกรถพ่วง 22 ดับ 6 ราย คนขับรถตู้เข้าสิงร่างญาติ พูดครั้งสุดท้าย

เผาแล้ว เหยื่อรถตู้บวกรถพ่วง 22 ดับ 6 ราย คนขับรถตู้เข้าสิงร่างญาติ พูดครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่รายงาน ที่สำนักสงฆ์ป่าคลองกรุงหยัน หมู่ 3 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นสถานที่จัดงานของผู้เสียชีวิต กรณีรถตู้ชนกับรถพ่วง 22 ล้อ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย ส่งกลับไปประกอบพิธีที่กทม. 2 ราย และประกอบพิธีที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วยนายสันติศักดิ์ อนุรักษ์ อายุ 35 ปี ( คนขับ ) ,นางอุไรวรรณ ปานแก้ว อายุ 53 ปี,ด.ญ.ขวัญฤทัย ประจักชัยกุล อายุ 11 ปี และนางเพ็ญศรี ปานแก้ว อายุ 44 ปี

ในขณะที่กำลังทำพิธีกรรม ก่อนเคลื่อนย้ายร่างไปฌาปนกิจที่วัดกรุงหยัน หมู่ 3 ต.กรุงหหยัน อ.ทุ่งใหญ่ ในระหว่างนั้นมีหญิงอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ได้มีอาการสั่นเทา ก่อนจะทรุดลงไปนั่งที่พื้นและส่งเสียงร้องไห้ออกมา ทำให้ญาติๆที่อยู่ภายในงาน ต่างพากันตกใจ และรีบวิ่งมาดูทันที หญิงรายดังกล่าวร้องไห้พูดจาไม่ได้ศัพท์

ซึ่งจับใจความได้ว่า ตนคือนายสันติศักดิ์ ( คนขับรถตู้ที่เสียชีวิต ) ตนอยากขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ ที่ไม่สามารถปกป้องใครไว้ได้ ตนเป็นห่วงที่บ้าน เสียใจที่ดูแลใครไม่ได้ สุดท้ายญาติต่างก็บอกว่า ให้นายสันติศักดิ์ปล่อยวาง ไม่ต้องห่วงอะไร ทุกคนจะดูแลกันเอง ขอให้ไปสบาย ไปสู่สุขคติ ก่อนจะกอดลากันครั้งสุดท้าย จากนั้นหญิงรายดังกล่าวก็เริ่มสงบลงจนนิ่งไป ทำเอาญาติๆ ร่ำไห้หนักกว่าเดิม เพราะการจากไปของทุกคนครั้งนี้ ไม่มีใครทันตั้งตัว

ส่วนนายพุฒิชาติ ประจักษ์ชัยกุล อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณืครั้งนี้ ได้ทำพิธีโกนหัวบวชหน้าไฟ หวังส่งบุญครั้งนี้ให้ครอบครัวไปสู่สุขคติ ขณะที่ญาติยังคงขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

และในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายร่างมายังวัดกรุงหยัน ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ อยู่ดีๆฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแดดจ้าอุณหภูมิ 39 องศา ชาวบ้านเชื่อว่า นี่คือฟ้าร้องไห้ เป็นการอำลาครั้งสุดท้ายของทั้ง 4 ราย พอทุกคนกล่าวรับรู้ ฝนก็หยุดตกทันที

อย่างไรก็ตาม การฌาปนกิจญาติพี่น้องพร้อมกันทีเดียว 4 ราย จำเป็นจะต้องใช้วิธีการเผาแบบโบราณ คือการนำร่างทั้ง 4 มาวางเรียงกันแล้วเผากลางแจ้ง ซึ่งไม่มีการเผาในลักษณะนี้มานาน เป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับญาติๆ ที่ต้องยืนมองร่างไร้วิญญาณของคนในครอบครัว ถูกเผาไหม้ไปต่อหน้าต่อตา ทุกคนได้แต่หวังว่า ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ทุกคนระมัดระวัง ได้แต่หวังและไม่อยากให้ใครสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวอีก

ข่าวโดย ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช

เรียบเรียง สยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ