พีระพันธ์ุ สุดยอดผู้นำ ชูนโยบายหลัก บัตรสวัสดิการพลัส 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน

พีระพันธ์ุ สุดยอดผู้นำ ชูนโยบายหลัก บัตรสวัสดิการพลัส 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน

จากกรณีที่ได้มีการจับฉลากเลือกเบอร์พรรค สำหรับวันแรกมีพรรคการเมืองทั้งหมด 49 พรรคที่การจับสลากจะแบ่งเป็น 2 รอบ คือ การจับสลากครั้งที่ 1 ซึ่งประธาน กกต.จับสลากชื่อพรรคการเมืองเพื่อจัดลำดับพรรคการเมืองที่มีสิทธิจับสลากลำดับในการยื่นใบสมัคร

และการจับสลากครั้งที่สอง ให้หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค การเมืองผู้ที่ได้รับมอบหมายทำการจับสลากเรียงลำดับ ตามผลการจับสลากครั้งแรก เมื่อพรรคจับสลากได้หมายเลขใด ให้ถือเป็นลำดับในการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร

โดยเพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า จับสลากเบอร์ พรรครวมไทยสร้างชาติครับ

โพสต์ดังกล่าว

พีระพันธุ์ ได้เบอร์พรรค 22

ภาพจาก  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga

ภาพจาก  พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga

นายพีระพันธุ์ ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะสานงาน ทำต่อ ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้ ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้

1. เพิ่มสิทธิ บัตรสวัสดิการพลัส’ เป็น 1000 บาท/เดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน

2. ตั้ง กองทุนฉุกเฉินประชาชน’ วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท

3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33

4. โครงการ ปลดหนี้ด้วยงาน

5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงนโยบายการเพิ่มสิทธิ บัตรสวัสดิการพลัส ว่า นโยบายนี้เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว

บัตรนี้มีความน่าเชื่อถือ เพราะรัฐบาลเป็นคนจ่ายเงิน สามารถใช้เป็นหลักประกันอะไรก็ได้ ขณะที่ทางธนาคารออมสินก็มีโครงการให้เงินกู้แก่ชาวบ้านรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยได้ปล่อยกู้ เพราะคนที่มาขอกู้ซึ่งเป็นชาวบ้านระดับฐานรากไม่ค่อยมีหลักประกัน กลายเป็นว่ามีโครงการให้ มีวงเงินให้ แต่ปล่อยกู้ไม่ได้ ก็สามารถใช้บัตรนี้ซึ่งเป็นบัตรที่รัฐจ่ายเงินแน่นอนทุกเดือนอยู่แล้ว ไปเป็นหลักประกันเงินกู้ให้กับธนาคารออมสิน โดยสามารถหักคืนเงินกู้จากบัญชีของผู้กู้ได้เลย ทำให้บัตรใบเดียวสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง นายพีระพันธุ์กล่าว

เรียบเรียง สยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ