สรุปดราม่าเพิ่มรอบ ทิดน้อย ลดโรง ถูกตัดโอกาสฉาย ขุนพันธ์3
เป็นดรามาอยู่ในตอนนี้สำหรับ 2 หนังไทยอย่าง ทิดน้อย ผลงานการกำกับของ เท่ง เถิดเทิง จากค่ายบริษัท เอ็มเทอร์ตี้ไนน์ จำกัด และ ขุนพันธ์ 3 ของค่ายสหมงคลฟิล์มผลงานการกำกับของ ก้องเกียรติ โขมศิริ
คลิป
จนกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในโซเชียล ได้ออกมาวิจารณ์ถึงโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ได้ลดราคาค่าตั๋วของหนังเรื่อง ทิดน้อย ทั้งยังจัดรอบและจำนวนโรงฉายที่เยอะกว่า ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายมาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 2566 แล้ว
จนทำให้หลายคนรู้สึกว่าหนังเรื่อง ทิดน้อย ไปเบียดพื้นที่การฉายของหนังเรื่องใหม่อย่าง ขุนพันธ์ 3 ที่กำลังมีกระแสอยู่หรือไม่ ถึงแม้ว่า จะมีรอบฉายทั้งวันก็จริง แต่ก็ถูกปรับเหลือสาขาและ 1-2 โรง
ยิ่งกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นไปอีก เมื่อผู้กำกับขุนพันธ์ 3 ได้มีการโพสต์ข้อความระบุถึงในเชิงที่ตัดพ้อ เรื่องการเพิ่มรอบฉาย หนัง นอกจากนี้ก็มีการบอกแฟนคลับให้ดูโปสเตอร์ดีๆ ทั้งนี้ก็มีการแชร์ต่อภาพโปสเตอร์ทิดน้อย แปะทับโปสเตอร์ขุนพันธ์3
งานนี้ก็เลยกลายเป็นดรามา ทำเอาชาวเน็ตหลายคนวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยกันว่าโรงหนังเองต้องการขายหนังในค่ายตัวเองและเตะตัดรายได้หนังจากค่ายคู่แข่งหรือไม่ เพราะตอนนี้กระแสขุนพันธ์ 3 กำลังไปได้ดี
จนกระทั่งทาง เพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้ออกมาโพสต์ จดหมายเปิดผนึก เรื่อง การจัดโรงและรอบฉายภาพยนตร์ไทย ที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุข้อความไว้ว่า สืบเนื่องจากมีประเด็นการจัดโรงและรอบฉายภาพยนตร์ไทยหลายครั้ง
ล่าสุดคือเรื่อง ขุนพันธ์ 3 โดยปัญหาการจัดโรงและรอบฉายที่ไม่เป็นธรรม ตัดโอกาสของภาพยนตร์ไทย เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นเรื่อยมา เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในหมู่คนทำงานในวงการภาพยนตร์ไทย
เมื่อการสร้างภาพยนตร์ไม่อาจเป็นหลักประกันได้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะมีโรงและรอบฉายที่มาก เหมาะสมสำหรับการสร้างรายได้ให้กับภาพยนตร์ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้สร้างจำนวนมาก ไม่กล้าลงทุนในภาพยนตร์คุณภาพที่มีเนื้อหาหลากหลาย จนเป็นเหตุให้ผู้ชมจำนวนมาก รู้สึกเสื่อมศรัทธากับภาพยนตร์ไทย เพราะมีเนื้อหาที่ซ้ำซาก ไร้การพัฒนา
แต่ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ มีคุณภาพ กลับได้รับการจัดโรงและรอบที่น้อยจนหมดโอกาสในการสร้างผู้ชมและรายได้ ทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ในฐานะคนทำหนัง ขอแสดงจุดยืนในการปกป้องผู้กำกับภาพยนตร์และคนทำงาน ที่ควรได้รับโอกาสในการเผยแพร่ผลงานอย่างเป็นธรรม
1. ขอให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาต่อรอง หรือจัดสรรรอบฉายของภาพยนตร์ไทยให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปเพื่อนำเสนอภาพยนตร์ไทยคุณภาพออกสู่สายตาผู้ชม สร้างความหลากหลายในการชมภาพยนตร์ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ชม และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยในระยะยาว
2. ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นปัญหานี้ ให้ผู้ชมได้รับรู้และเข้าใจถึงปัญหาในวงการภาพยนตร์ไทย อันจะนำไปสู่การสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ขอเรียกร้องให้หนังไทยทุกเรื่องมีพื้นที่ฉายอย่างสมศักดิ์ศรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายในวิกฤตการณ์ครั้งนี้