พรุ่งนี้ฟ้าหลัว รับมือพายุฝนฟ้าคะนอง

พรุ่งนี้ฟ้าหลัว รับมือพายุฝนฟ้าคะนอง

วันที่ 8-11 มี.ค. 66 กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกบางในตอนเช้ากับอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ส่วนในช่วงวันที่ 12 13 มี.ค. 66 บริเวณกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 12 13 มี.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

ออกประกาศ 07 มีนาคม 2566 11:00 น.

คาดหมายอากาศรายภาค

ระหว่างวันที่ 7 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2566

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 มี.ค. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 มี.ค. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 25 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 16 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 37 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 มี.ค. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 25 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 20 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 38 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 มี.ค. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ตั้งแต่จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ตั้งแต่จ.นครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 35 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 36 องศาเซลเซียส

กรุงเทพและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฟ้าหลัวกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 มี.ค. 66 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 25 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 37 องศาเซลเซียส

เรียบเรียงโดย siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ