ภาพปัจจุบัน อาจารย์แม่ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ ในวัย 87
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ยิ่งเฉพาะคนที่เกิดในยุค 90 สำหรับ อาจารย์แม่ รองศาสตราจารย์ สุนีย์ สินธุเดชะ นายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต อดีตอาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า อาจารย์แม่ หรือที่นักเรียนในโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม และอนุบาลเรียกว่า คุณยาย และอดีตรองหัวหน้าพรรคถิ่นไทย
รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2479 เป็นชาวจังหวัดตาก สมรสกับ พลอากาศตรี ประเทศ สินธุเดชะ มีบุตรสาวคนเดียว คือ ดร.นิธินาถ สินธุเดชะ เตลาน
รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ เริ่มเข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสตรีผดุงปัญญา จังหวัดตาก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต และครุศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (นักเรียนทุนกระทรวงศึกษาธิการ) หลังจบการศึกษาจึงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ต่อมาจึงย้ายมาเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนผู้บังคับหมวดทหารอากาศ สถาบันจิตวิทยาและความมั่นคง มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล (มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชในปัจจุบัน) วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ และอีกหลายสถาบัน
หลังเกษียณอายุราชการแล้ว รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ ได้เข้ามารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ระหว่างปี พ.ศ. 2547-2554 และนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555
อาจารย์แม่นั้นมีชื่อเสียงมาจากการโต้วาทีที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในช่วง 14 ตุลาและ 6 ตุลากับการโต้วาทีกับนักศึกษา โดยมีการโต้ที่เด็ดขาด เฉียบแหลม สามารถตอบโต้ได้ทุกคำค้านของฝ่ายค้าน หยิบประเด็นใดมาก็สามารถโต้ได้หมด โดยอาจารย์แม่เคยเป็นนักพูดประจำรายการทีวีวาที เป็นแขกรับเชิญยุคแรกกับรายการจันทร์กะพริบ รายการสี่ทุ่มสแควร์ และมักถูกเชิญให้ไปเป็นกรรมการตัดสินการพูดโต้วาทีหลายครั้ง เมื่ออาจารย์แม่มีอายุมากขึ้นก็เริ่มรับงานน้อยลงวางมือทั้งงานพูดและงานบริหาร
ล่าสุดกลุ่ม ภาพเก่าในอดีต ได้มีการโพสต์ภาพ อาจารย์แม่ ที่ท่านได้ฉลองวันเกิดในวัย 87 กับครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งท่านก็ยังคงดูสุขภาพแข็งแรงอยู่
ขอบคุณจาก wikipedia
เรียบเรียง สยามนิวส์