จากกรณี ดีเจมะตูม ได้วางแผนจับมิจฉาชีพที่ชื่อว่า วาวา โดยแอบอ้างชื่อไปร่วมลงทุนจนมีผู้เสียหายสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท

คลิป

ซึ่งคลิปนี้ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ จนเกิดแฮชเเท็กก้งมะตูมจับโจรติดเทรนด์ร้อนบนโลกโซเชียล โดยในคลิป มะตูมและกลุ่มเพื่อน ได้พูดคุยกับหญิงคนหนึ่ง

ก่อนมะตูมจะก้มไปดูที่ข้อเท้าของหญิงคนดังกล่าว และพบว่าอีกฝ่ายสวมกำไล EM ขณะที่มีตร.อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย สืบเนื่องจากกรณีคลิปจับโจรสุดเดือดของดีเจมะตูม

ซึ่งในคลิปนั้นเผยให้เห็นเหตุการณ์บางส่วน ที่ดีเจมะตูมรวมถึงผู้เสียหายได้ทำการวางแผนล่อมิจฉาชีพสาว โดยทำทีว่าจะเลี้ยงปีใหม่กับเพื่อนๆ ที่ร้านอาหารที่มะตูมเป็นเจ้าของ

รวมถึงได้ชวนหญิงคนดังกล่าวมาร่วมฉลองด้วย จึงเกิดการสอบถามถึงข้อเท็จจริง ที่นำชื่อมะตูมไปแอบอ้าง เพื่อหลอกคนอื่นมาลงทุน แต่ถึงกระนั้น ฝ่ายหญิงที่ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้ยอมรับอะไร เกิดการถกเถียงกันอยู่พักใหญ่

ก่อนจะมีคนมากระซิบกับมะตูมว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบมาพากลนะ พกอาวุธมาหรือเปล่า ถ้าเกิดมีเหตุกาณ์รุนแรงเกิดขึ้นในร้านจะทำยังไง จึงได้ทำการเปิดข้อเท้า ปรากฏว่าพอขาถกกางเกงขึ้น ก็พบเข้ากับกำไล EM เลยรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีคดีติดตัวอยู่ ไม่สามารถออกนอกประเทศได้

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พาและควบคุมตัวทั้งพยาน ผู้ต้องหา รวมถึงผู้เสียหายไปที่ สน. ผู้หญิงคนนั้นถูกฝากขังทันทีโดยไม่ได้รับการประกันตัว

ซึ่งมะตูมก็ได้มาสืบรู้ภายหลังว่าผู้หญิงคนนี้นั้น มีคดีฉ้อโกงติดตัวมากกว่า 15-16 คดีกันเลยทีเดียว หนักสุดคือคดีของ ฉ้อโกง ATK มูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้าน

และทางดีเจมะตูม ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่ออธิบายรายละเอียดเบื้องต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและออกรายการโหนกระแส

ทั้งนี้ นายรณณรงค์ ทนายความชื่อดังได้เปิดเผยว่าดีเจมะตูมส่อแววโดนหลายข้อหา ซึ่ง กรณีดังกล่าวมองว่าหากฝ่ายคู่กรณีตัดสินใจจะดำเนินคดี อาจมีเรื่องการทำร้ ายร่างกาย

จากการที่มีการตบตีและสาดน้ำใส่ รวมถึงกรณีที่ดีเจมะตูมเปิดขาคู่กรณีดูกำไลอีเอ็มนั้น เป็นการกระทำอนาจาร นายรณณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้การนำคลิปไปโพสต์เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

การด่าทอต่อว่าต่อหน้าผู้อื่นเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า หากดีเจมะตูมต้องการจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุรายนี้ ต้องแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ไม่กระทำเอง

เพราะหากคิดจะสู้กับมิจฉาชีพ พวกนี้อาจรู้กฎหมายยิ่งต้องระวัง กรณีนี้อาจทำให้เกิดความโมโหบันดาลโสะได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากระทำแล้วไม่ผิด