ขโมยออกอาละวาดกลางวันแสก ๆ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ แจ้งตำรวจแล้วแต่ยังไม่คืบหน้า

ขโมยออกอาละวาดกลางวันแสก ๆ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ แจ้งตำรวจแล้วแต่ยังไม่คืบหน้า

วันที่ 12 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ว่ามีขโมยออกอาละวาดก่อเหตุขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านกลางวันแสก ๆ แจ้งตำรวจผ่านไปนับเดือนแล้วผู้ก่อเหตุยังเดินลอยนวลแถมก่อเหตุซ้ำอีกจนชาวบ้านต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวง จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายบุญลักษณ์ โพธิ์แก้ว อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 1 ต.ท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ โดยได้เปิดเผยว่าตนมีอาชีพรับซื้อของเก่าแล้วนำไปขายต่อ สำหรับเหตุการณ์ที่ถูกขโมยนั้นในช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.30 น.ของวันที่ 11 ม.ค.2566 ตนขับรถจากบ้านเพื่อที่จะนำของเก่าไปในที่ตัวอำเภอหนองไผ่ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นตลาดในหมู่บ้านของหมู่ที่ 4 ต.วังท่าดี จึงได้จอดซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างและนำไปนั่งกินในรถ

เมื่ออิ่มแล้วจึงได้ล้างไม้ล้างมือเตรียมที่จะเดินทางต่อ แต่เกิดปวดฉี่จึงได้เดินไปฉี่ข้างทางห่างจากรถไม่ถึง 20 เมตร แต่ได้วางกระเป๋าซึ่งในนั้นมีโทรศัพท์ บัตรสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งกุญแจรถ วางไว้ที่เบาะคนขับจากนั้นจึงเดินไปฉี่ แต่ระหว่างนั้นได้สังเกตเห็นชายที่ก่อเหตุเดินมาที่รถ แต่ก็ไม่ได้เฉลียวใจ คิดว่าเป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไป หลังจากฉี่เสร็จก็เห็นว่าชายคนดังกล่าวเดินผ่านรถไปแล้วและมีลักษณะเอาสิ่งของซุกไว้ใสเสื้อ จึงเริ่มรู้สึกแปลก ๆ จึงรีบเดินมาดูที่รถปรากฎว่ากระเป๋าได้หายไปแล้ว เมื่อหันกลับไปดูชายคนดังกล่าวก็หายไปเช่นกัน ตนจึงเชื่อว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนขโมยอย่างแน่นอน จึงได้ยืมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับตามหาแต่ก็ไม่พบจึงย้อนกลับมาอีกครั้งปรากฎว่าพบชายคนดังกล่าวเดินออกมาจากข้างทาง เมื่อเห็นตนชายคนดังกล่าวก็วิ่งหนีเข้าไปในคลองตนจึงจอดรถและวิ่งไล่ตามแต่ไม่ทัน จึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ตู้ยามซึ่งห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร และได้ช่วยกันติดตามจนพบชายคนดังกล่าว แต่ชายคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้ทำและจากการตรวจสอบก็ไม่พบของกลางในตัวชายคนดังกล่าว แต่ภายหลังพบเคสโทรศัพท์ของตนตกอยู่ที่ทุ่งนา ส่วนโทรศัพท์และกระเป๋าไม่พบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งว่าไม่สามารถจับกุมตัวได้เพราะไม่มีหลักฐานและได้แนะนำให้ตนเองไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หนองไผ่ ตนจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะดำเนินการให้

นายบุญลักษณ์ โพธิ์แก้ว เปิดเผยอีกว่าตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากเพราะต้องจ้างช่างมาทำกุญแจรถใหม่ เอกสารต่าง ๆ ก็หายไปทั้งหมด ทั้งบัตรประชาชน บัตรประชารัฐ และอีกหลายอย่าง ต้องเสียเวลาไปทำใหม่ รวมทั้งโทรศัพท์ถึงราคาจะไม่กี่ร้อยแต่ก็มีข้อมูลสำคัญ ๆ รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ของลุกค้าด้วย จึงอยากจะวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ด้านนางสุกันต์ จำแต่ง อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.วังท่าดี เปิดเผยว่าตนมีอาชีพเสริมคือรับจ้างสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ที่ผ่านมารับความเดือดร้อนจากหัวขโมยรายดังกล่าว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาช่วงบ่ายของวันที่ 8 พ.ย.2565 หลังจากที่พ่อกับแม่สีข้าวเสร็จก็ปิดบ้านและออกไปข้างนอก เมื่อกลับมาอีกทีก็พบว่าถุงข้าวสารที่มีข้าวสารอยู่ประมาณ 3 ถัง ที่ใส่ไว้ให้ลูกค้าได้หายไป จึงมาเปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบว่ามีคนเข้ามาขโมย ซึ่งคนที่ขโมยก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกันนั่นเอง จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ไว้แล้ว แต่ผ่านไปแล้วกว่า 2 เดือน ปรากฏว่าคนก่อเหตุยังเดินลอยนวลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมวันดีคืนดีก็โยนข้าวของเข้ามาในบ้านตนทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัย ล่าสุดก็มาก่อเหตุขโมยของในรถของคนรับซื้อของเก่าเมื่อวานนี้อีกด้วย จึงอยากจะได้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนายนี้โดยเร็ว

ข่าวโดย อารีย์ สีแก้ว ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดเพชรบูรณ์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ