
เผยยอด บริจาค แม่โพสต์ลูกชายสอบติดหมอ ขอรับบริจาค
จากกรณี แม่เลี้ยงเดี่ยวออกมาประกาศว่า ลูกสอบติดแพทย์คนแรกของโรงเรียน ในรอบ 40 ปี แต่ขาดทุนเรียนต่อ วอนผู้มีจิตศรัทธาช่วย น้องวีน นักเรียนชั้นม.6 อายุ 18 ปี ชาว จ.พัทลุง สอบคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่มีปัญหาและอุปสรรคในการศึกษาต่อ เพราะครอบครัวมีฐานนะยากจน
มีผู้โอนเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก จนต้องประกาศหยุดรับการบริจาคทุนการศึกษาจาก พร้อมทั้งโพสต์ข้อความขอขอบพระคุณผู้มีจิตเมตตาทุกคน โดยน้องวีนจะตั้งใจเรียน และจะนำทุนการศึกษาดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดให้เหมาะสมกับที่ได้รับความเมตตาในครั้งนี้นั้น
แต่เรื่องราวดังกล่าวมีชาวโซเชียลออกมาบอกว่าที่จริงแล้วไม่ได้จนจริง ลูกชายใช้ไอโฟน และ apple watch ส่วนแม่ใส่ทองเต็มตัวมีรถขับ
ภาพจาก ข่าวปด สุดสัปดาห์
และต่อมา อมรินทร์ทีวี ได้รายงานว่า
นายสมคิด ทองสง อายุ 72 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่าเงินที่ผู้เมตตาโอนมา จะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเงินบริจาคของน้องวีน ประกอบด้วยนายกเทศบาล ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ ตังแทนครู ตัวแทนของครอบครัว โดยตัวเองจะไม่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว
ทุกฝ่ายก็รับปากที่จะดำเนินการกันแล้ว ส่วนเงินยอดบริจาคนั้นในขณะนี้มีเงินที่เข้ามาทางระบบบัญชีประมาณ 8 แสนบาทเศษ ส่วนทางอื่น ๆ ตนยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งทุกฝ่ายตื่นตกใจกับยอดเงินที่มีผู้จิตศรัทธาโอนเข้ามาช่วยเหลือ และได้ปรึกษากับนายพิเชษ ในการปิดบัญชีดังกล่าว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสามารถดูแล เยี่ยวยาครอบครัวได้แล้ว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า การที่เขามีโทรศัพท์อะไร เขามีโน้ตบุ๊กไหม ไม่ได้บ่งบอกว่าเขามีเงิน ถ้าเขามีเงินทำไมเขาจึงไม่มาเรียนในตัวจังหวัด ทำไมเขาจึงไม่ไปเรียนที่โรงเรียนจุฬาภรณ์ เขาเรียน ป.1-2 ที่โรงเรียนวีรนาถศึกษา และไปเรียนที่ขยายโอกาสจนจบ ม.3 แล้วมาเรียนต่อที่โรงเรียนใกล้บ้าน การที่เขามีความพร้อมด้านการสมอ-ง แต่ไม่ไปเรียนต่อที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียง เพราะเขาไม่มีเงิน การที่เขาไปซื้อโน้ตบุ๊กมาใช้ เพราะเขาต้องการนำมาค้นคว้าหาความรู้ โรงเรียนก็ไม่ได้ช่วยเขาทั้งหมด เขาต้องช่วยตัวเองเพราะเขาตั้งใจจะเป็นหมอ
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์ทีวี
นายสมคิด ทองสง อายุ 72 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนปัญญาวุธ
จึงต้องใช้สื่อที่ทันสมัย จนทำให้แม่ต้องเป็นหนี้นับแสนหรือมากกว่านั้น ตนจึงขอฝากไปยังทุกฝ่ายว่าเวลาเราจะพิจารณาใครจะต้องพิจารณาให้รอบด้าน อย่าเอาสิ่งที่ปรากฏหรือคนอื่นบอกกล่าว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้มาคิดเอง ส่วนแม่นั้นก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับยอดเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
นายพิเชษ พลอยดำ อายุ 55 ปี ญาติผู้ใหญ่ของครอบครัว กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากทางญาติให้เข้าไปดูแลครอบครัวดังกล่าวพบว่าครอบครัวดังกล่าวเป็นครอบครัวที่เปราะบาง เป็นครอบครัวที่ยากจนจริงมีรายได้จากการกรีดยางจ้าง-รับซื้อเศษยางประมาณ 300-400 บาท บางวันเงินจะซื้อข้าวสารให้ลูกทั้ง 2 คนก็แทบไม่มี เนื่องมีฝนตกหนักไม่ได้ออกไปกรีดยาง ตนจึงนำเรื่องมาปรึกษากับญาติและเพื่อน ๆ ว่าจะช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวอย่างไรบ้าง
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์ทีวี
ต่อมาก็ได้รับการช่วยเหลือเงินในการไปซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช เพื่อช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าว และได้นำเรื่องนี้ขึ้นเฟสบุ๊กของตนเพื่อระดมทุนให้เด็กได้เรียนจบ ม.6 สำหรับเรื่องที่ครอบครัวนี้เครียดหนักก็คือเมื่อลูกสอบติดแพทย์จะเอาเงินที่ไหนไปศึกษาต่อ ซึ่งทั้ง 2 คน ต่างก็กอดคอร้องไห้มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับตนนั้นต้องการให้น้องวีนเรียนจบ ม.6 ไปก่อน ส่วนการศึกษาต่อคณะแพทย์ยังมีเวลาที่จะร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ได้ปรึกษากับผู้มีองค์ความรู้ในการแก้ปัญหาเปราะบางในการแก้ปัญหาสภาพจิตใจของครอบครัวดังกล่าวด้วย
กรณีที่สังคมดราม่าว่าครอบครัวนี้ไม่จนจริง ซื้อโทรศัพท์เครื่องแพงให้น้องวีนนั้น น้องวีนไม่ได้เรียนพิเศษจากโรงเรียนจากสำนักนักติวเตอร์ มีการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากออนไลน์ เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสอบศึกษาต่อคณะแพทย์ตามความมุ่งมั่นและความฝันของเด็กจึงมีความจำเป็นยิ่ง ถึงแม่จะไม่มีเงินก็ต้องหายืมเงินเขามาโดยมีการผ่อนเป็นงวด ๆ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่ออนาคตของลูก การที่สังคมกล่าวโจมตีครอบครัวนี้ที่เปราะบางนั้นเพราะสังคมไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของครอบครัวนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องขอขอบคุณโซเซียลที่ได้ทำให้มีผู้มีเมตตาจิตส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวน้องวีนในครั้งนี้
ส่วนคนที่กล่าวโจมตีน้องวีนเขาคงไม่รู้ว่าความลึกตื้นหนาบางของน้องวีนคืออะไร และคงไม่รู้ว่าครอบครัวในวันที่ไม่มีจะกินมันเจ็บปวดขนาดไหน และน้องวีนคือต้นกล้าทางการแพทย์ ตนจึงคิดว่าครอบครัวของน้องนั้นมีความทุกข์บนความโชคดี ที่พี่น้องประชาชนได้แบ่งบันจิตศรัทธามาให้