ดีเจภูมิ ภูมิใจ เอาจริง ขึ้นศาลฟ้อง แพรรี่ ไพรวัลย์ เหตุใช้คำพูดไม่เหมาะสม
จากกรณีดราม่าที่กลายไปข่าวดังขึ้นมา เมื่อ ดีเจภูมิ ภูมิใจ พิธีกรและดีเจชื่อดัง ได้ทำการโพสต์ภาพ ขณะกำลังทานส้มตำ ที่ร้านแห่งหนึ่งในประเทศไทย พร้อมกับเขียนข้อความระบุว่า เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ขายส้มตำจานละ 600 บาท จิ้มจุ่มหม้อละ 1,000 บาท คนยังเข้าแถวต่อคิวกันถึงเที่ยงคืน โชคดีขนาดไหนเกิดมาเป็นคนไทย ซึ่งในตอนนั้น ทัวร์ลงดีเจภูมิหนักมากครับ
เพราะหลายต่อคนมองว่า มันเปรียบกันไม่ได้ เนื่องจากรายได้ของประเทศออสเตรเลีย คิดเป็นค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมง เป็นเงิน 493.25 บาท ส่วนของประเทศไทย ค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมงคือ 41 บาท
การที่ส้มตำของออสเตรเลียราคา 600 บาท ก็ถือว่าไม่ได้ต่างกับของไทยมาก ถ้าเทียบกับค่าแรงของประเทศเขา รวมถึงเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมายของชาวเน็ต ที่พยายามยกขึ้นมาเปรียบเทียบให้ดู
แต่หลังจากนั้น ทางดีเจภูมิ ได้ออกมาโพสต์อธิบายร่ายยาว ถึงสิ่งที่เจ้าตัวต้องการสื่อสาร และได้มีการโพสต์ภาพคู่กับทนายความ เพื่อดำเนินคดีกับคนที่ต่อว่าตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ แพรี่ ไพรวัลย์ ที่ได้ออกมาไลฟ์สดถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งทางดีเจภูมิมองว่าไม่เหมาะสม
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางดีเจภูมิได้มีการปล่อยคลิปวิดีโอ ผ่านทางช่องยูทูบของตนเอง โดยใช้แคปชั่นว่า ขึ้นศาล ฟ้องคุณ แพรรี่ ไพรวัลย์ พร้อมกับเปิดใจว่า ชื่นชมคุณแพรี่นะ รู้สึกเสียใจที่เขามาต่อว่าเราขนาดนี้ ได้เดินทางไปที่ศาลอาญา
เพื่อไปพบกับทนายความ ซึ่งได้ถามไปยังด้านทนายความว่า มีคำไหนบ้างที่สามารถดำเนินคดีได้ ทางด้านทนายก็เลยตอบกลับมาว่า ถ้อยคำที่แพรรี่หมิ่นประมาทดีเจภูมิ ก็จะมีคำว่า เฟค คำว่าปลอม คำว่าสร้างภาพ ทำให้คนอื่นมองภาพลักษณ์ดีเจภูมิในทางที่แย่ แบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายฐานหมิ่นประมาท
หลังจากขึ้นศาลเสร็จแล้ว ทางดีเจภูมิก็ได้ออกมาเปิดใจ ถึงการขึ้นศาลในฐานะโจทก์ครั้งแรกว่า ทางฝ่ายแพรี่ยอมขอโทษแล้ว และจะมาทำคลิปขอโทษกัน ในวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ดีใจมากที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ คนอื่นเราไม่ได้ไกล่เกลี่ย มีโอกาสวีดีโอคอลคุยกับแพรี่ เขาก็ดูสุภาพ น่ารักและยิ้มแย้ม
จนวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางแพรรี่ได้เดินทางมาหาดีเจภูมิ ซึ่งดีเจภูมิก็ได้พูดความในใจว่า จริง ๆ ให้อภัยเขาแล้ว ตั้งแต่วันที่ได้มีการวีดีโอคอลคุยกัน ก่อนจะเปิดคลิปที่แพรี่ ไพรวัลย์ วิจารณ์ดีเจภูมิ จนนำมาสู่การฟ้อง
ทั้งอธิบายเจตนาจริง ๆ ของวันนั้น พร้อมกับเผยว่า ดราม่านี้ส่งผลกระทบต่อตัวเองอย่างไรบ้าง โดนแคลเซิลงานไปสองงาน มีมูลค่าเกือบหนึ่งล้านบาท เงินมันยังไม่เท่ากับภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ โดยที่ผ่านมาเจอดราม่ามาตลอด ไม่ได้คิดที่จะฟ้องใคร แต่ครั้งนี้อยากให้เห็นถึงเรื่อง freedom of speech
ทางด้านแพรรี่ก็ได้เปิดใจว่า พอได้ฟังที่ดีเจภูมิพูดทั้งหมด แอบรู้สึกเสียใจ ที่มีถ้อยคำบางถ้อยคำ ต่อให้จะเป็นฟีลลิ่งของหนู แต่มันทำให้ไปกระทบต่อความรู้สึกดีเจภูมิ และมันไม่แฟร์ โดยในวันนั้นที่ไลฟ์ก็พูดโดยหลาย ๆ
ประเด็น เพราะมีลูกเพจเข้ามาถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไร กับดีเจท่านหนึ่งหลังจากนั้นเราก็ได้พูดในมุมมองของเรา แต่กล้ายืนยันจากใจ ไม่มีเจตนาที่จะคิดลบหรือดิสเครดิต
เรียบเรียง siamnews