วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านบะหมี่เกี้ยวเย่หลิว อยุธยาริมถนนโรจนะขาออกเกาะเมืองอยุธยา ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณติดแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ โดยมีข้อความว่า บะหมี่เกี้ยวเย่หลิว อยุธยา พร้อมจ่ายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ภายในปี 2570

นาย เอื้ออังกูล หรือป๊อป เหมือนละม้าย อายุ 49 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยถึงการที่ติดตั้งป้ายไวนิลสนับสนุนแนวนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ600 บาท ว่า ส่วนตัวไม่ได้ชื่นชอบพรรคการเมืองพรรคไหน เป็นพิเศษ แต่ติดตามข่าวสารการเมืองมาโดยตลอด ได้อ่านและฟังนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ600 บาท ส่วนตัวคิดว่าดีมาก คิดว่าถ้าคนมีเงินก็จะใช้เงิน เงินจะหมุนเวียน จำนำเงินมาซื้ออาหาร ซื้อของเครื่องใช้ และนโยบายนี้เชื่อว่าได้แน่นอน เพราะไมได้มาปรับเป็น600 บาทในที่เดียวจะต้องปรับขึ้นมาเป็นแบบขันบันได อย่างทุกวันนี้สินค้าอื่นๆแพงทุกอย่าง อย่างร่านของตนเองต้องใช้ทั้งผัก น้ำมันพืช เนื้อหมู ทุกอย่างราคาแพงขึ้นมากหลายอย่างขึ้นมาเกือบเท่าตัว ต้นทุนของอาหารสูงขึ้นเรากำไรน้อยลง ร้านเราก็ยังอยู่ได้ พ่อค้าแม่ค้าหลายร้านยังไม่ขึ้นราคา หรืออาจจะมีการปรับขึ้นหรือลดปริมาณลงเพื่อความอยู่รอด เพราะพ่อค้าแม่ค้าสงสารผู้บริโภค เพราะถ้าเราขึ้นราคาของแพงลูกค้าไม่มาซื้อเรากินไม่มาใช้บริการ ส่วนตัวเชื่อทุกร้านอาหารต้องทนสู้เพื่อแบกรับต้นทุนวัตถุดิบที่ราคาสูงขึ้น

นาย อายุวัฒน์ อังคาวุธ อายุ 49 ปี ลูกค้าที่มารับประทานก๋วยเตี๋ยว เปิดเผยว่าตนเองพอเห็นทางร้านติดป้าย สนับสนุนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จึงมาใช้บริการพร้อมกับช่วยรีวิว ก๋วยเตี๋ยวและอาหาร ซึ่งมีรสชาติอร่อย ในส่วนของค่าแรงขั้นตำที่จะเพิ่มขึ้นตามนโนบาย พนักงานโรงงาน ลูกจ้างถ้าเขาได้เงินค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท มีเงิน มีรายได้ ก็จะได้ใช้จ่ายเงิน มาใช้บริการเรามาซื้ออาหารเรา ได้ง่ายเงิน ร้านค้าผู้ปะกอบการร้านอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้น เงินเกิดการหมุนเวียน อย่างทุกวันนี้ค่าแรงวันละ300 กว่าบาท 350 บาท ค่าแรงขั้นต่ำ มีเงินน้อยจะมากินอาหาร กินข้าวก็ต้องประหยัด เพราะยังมีรายจ่ายอื่นทั้งค่าน้ำค่าไฟ จึงต้องเก็บไว้ไว้ใช้อีก คิดกันง่ายถ้าเขามีรายได้เพิ่มมากขึ้นก็มีกำลังใจมีกำลังเงินในการจับจ่าย มาซื้อของเรา ร้านค้ามีรายได้มากขึ้น มันทำให้ทุกคนอยู่ได้

ส่วนตนเองดำเนินธุรกิจร้านขายบะหมี่ในพื้นที่ จ.นครปฐมและ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพนักงาน จำนวน 13 คน จ่ายค่าแรงพนักงานของร้านตามกฎหมาย พร้อมกับสวัสดิการค่าอาหารและเงินพิเศษ

ตนเองสนับสนุนแนวคิดนี้อยู่แล้ว ไมได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าค่าครองชีพสูงขึ้น ชาวบ้านอู่ด้วยความลำบาก อยู่แล้ว ค่าแรงขั้นต่ำจาก300 กว่าบาท มาเป็น 600 บาท ไม่ใช่จะทำในเวลาเดี๋ยวนี้ทันที ต้องใช้เวลาการปรับขึ้นค่าแรงจะค่อยๆปรับขึ้น เมื่อทุกคนมีรายได้มากขึ้นมีกำลังซื้อใช้เงิน มีการเอาเงินออกมาใช้ ปัจจุบันคนไทยพยายามที่จะออกไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งถูกกำหมายและผิดกฎหมายเพราะ เขาได้รับค่าแรงที่มากขึ้น บางประเทศจ่ายเป็นรายชั่วโมงสูงกว่าคนไทยทำงานใน1 วัน แล้ว พอมีการออกแนวนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท หลายคนออกมาโจมตีกันแล้ว เพราะทุกคนรู้ว่าทำได้จริง แต่กลัวว่าคนที่คิดแนวนโยบายนี้จะได้รับความนิยม ถ้าทำได้จริงถามว่าใครได้รับประโยชน์ คนไทยหรือว่าเจ้าสัวได้ประโยชน์

ขข่าวโดย เกียรติยศ ศรีสกุล ผู้สื่อขข่าวสยามนิวส์ พระนครศรีอยุธยา