เปิดคำพูดของคนเป็นพ่อ หลังล่ามโซ่ลูกสาว เพราะกลัวไปมีผัวใหม่ รับไม่ได้ทั้งโซเชียล
วันที่ 4 ธันวาคม 2565 เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก สายไหม ต้องรอด ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังห้องเช่าแห่งหนึ่ง ภายหลังได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ว่า พบเห็น น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ถูกพ่อแท้ ๆ ล่ามโซ่และทำร้ายร่างกาย จึงเดินไปให้การช่วยเหลือ
เมื่อทีมสายไหมต้องรอด ไปถึงห้องเช่าหลังดังกล่าว ได้พบ น.ส.เอ อยู่ในสภาพอิดโรย ใบหน้าเขียวช้ำ ปากแตก ที่ข้อเท้าข้างซ้ายถูกล่ามด้วยโซ่ขนาดใหญ่
น.ส.เอ กล่าวว่า คนที่ล่ามโซ่คือ พ่อแท้ ๆ เพราะพ่อไม่ต้องการให้ตนมีแฟนใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 6 เดือน เธอได้ขอแยกทางกับสามีที่คบกันมา 9 ปี และมีลูกด้วยกัน 2 คน เนื่องจากตลอดเวลาที่คบกันมาสามีตนไม่เคยให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย ชอบด่าว่าด้วยคำพูดที่หยาบคายและรุนแรงต่อหน้าคนอื่นเสมอ เวลาสามีตนไปเที่ยวผู้หญิงก็จะกลับมาเล่าให้เพื่อนๆที่ทำงานฟังอย่างสนุกสนาน พอเพื่อนที่ทำงานได้ยินก็จะบอกบอกกับตน ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมาก
พ่อเป็นคนหัวโบราณ บอกว่า เป็นผู้หญิงเมื่อแต่งงานมีลูกมีผัวแล้วต้องอดทน ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกไป หากเลิกกับสามีจะทำให้ พ่อ แม่ ถูกชาวบ้านติฉินนินทาเอาได้
เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา มีเพื่อนชายที่เข้ามาพูดคุยด้วย เมื่ออดีตสามีรู้จึงได้มาดักตามง้อขอคืนดี แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากที่ผ่านมาตนเป็นฝ่ายถูกทำร้ายมามากพอแล้ว เมื่ออดีตสามีเห็นว่าตนไม่ยอมกลับไปคืนดีด้วยแน่ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อดีตสามีจึงไปตามพ่อของตนมาบังคับพาตนกลับไปอยู่ด้วย โดยเมื่อพ่อมาถึงก็ไม่ฟังคำอธิบายใดๆ บอกแต่เพียงว่าต้องกลับไปคบกับอดีตสามีเท่านั้น เธอจึงได้ปฏิเสธ
ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ อยากให้ลูกสาวมีครอบครัวที่เป็นผัวเดียวเมียเดียว แต่อยากให้พ่อเคารพการตัดสินใจของลูกสาว ที่ อายุ 28 ปีแล้ว ควรปล่อยให้ตัดสินใจชีวิตของตัวเอง และอยากให้พูดคุยกันถึงเหตุผลที่ต้องหย่าร้าง เพราะที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและทุกข์ใจสำหรับผู้หญิงคนนึงมากพอแล้ว
อีกทั้งการล่ามโซ่ และ การทำร้ายร่างกายก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่สามารถกระทำได้ต่อให้เป็น พ่อ - ลูกกันก็ตาม
เรียบเรียง สยามนิวส์