หมอบี ตอบกลับพี่พูดไม่หมด ปม โน๊ต อุดม เล่าในเดี่ยว 13

หมอบี ตอบกลับพี่พูดไม่หมด ปม โน๊ต อุดม เล่าในเดี่ยว 13

เรียกได้ว่ากลายเป็นหนึ่งในดราม่าควันหลงจากทอร์คโชว์เดี่ยว 13 ของ โน๊ต อุดม แต้พานิช อีกเรื่อง กับกรณีที่โน๊ตพูดถึง หมอบี กรณีเชิญอีกฝ่ายไปช่วยปราบสิ่งไม่ดีที่บ้านตน แต่หมอบีกลับไม่ได้ทำอะไรเลยบอกแค่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ และลงท้ายให้อยู่กับเขาไป ก่อนบอกจะรีบกลับไปเฝ้าร้าน โดยวันนั้นโน๊ตเผยว่า อุ๋มอิ๋มปราบไม่อยู่ ผมก็ติดต่อหมอบี หมอบีมาที่บ้าน เปิดลิฟต์ปุ๊บ

พอเข้าไปที่ห้องนอน ชี้บอกว่ายืนอยู่ตรงนั้น ที่เดียวกับที่อุ๋มอิ๋มบอก อันนี้ไม่ใช่แบบที่คิดนะนะครับพี่โน้ส แต่เป็นแบบอื่น เหมือนกอลั่มที่เคยเล่าไป ให้บุญมัน มันก็ไม่เอาด้วย และเราก็ถามว่ามันมาได้ไง หมอบีก็บอกว่ามีคนทำของใส่พี่โน้สครับ แล้วผมจะทำไงต่อ หมอบีก็ขอนั่งสมาธิสักครู่ สักพักเรียกผมเข้าห้องพี่โน้สมีของอยู่ หมอบีบอกว่าเห็นเป็นยันต์สีแดงๆ

ซึ่งตอนนั้นห้องผมไม่มีอะไร เขาก็เลยให้พลิกเตียงขึ้นมา เป็นยันต์สีแดง ของเขมร และหมอบีก็บอกว่าเห็นอีกอันนึง พลิกใต้เตียงก็เจอยันต์สีแดงอีก ผมตะลึงเลย แต่หมอบีบอกว่ายังมีอีกอันนึง พลิกดูที่หัวเตียงเจออีกอันนึง ลายมือเดียวกันเลย สีแดงๆ เหมือนกัน ผมไม่เชื่อนะ มันอาจจะเป็นช่างไม้ชาวเขมร รักในการออกแบบกราฟฟิก แต่เตียงกับโต๊ะหัวเตียงมันซื้อมาคนละเวลา

หมอบีก็อธิบายว่าโดนทำของมา ถูกสั่งมาให้เฝ้าพี่โน้ส ผมตกใจมาก หมอบีบอกว่าเห็นเฉยๆ แต่แก้อะไรไม่ได้ และหมอบีก็ไปเฝ้าร้านกาแฟเหมือนเดิม เหมือนตอนอุ๋มอิ่มเลย แล้วผมจะทำไงต่อ ทุกวันนี้ก็อยู่กับมัน ต้องทน ซึ่งก่อนกลับหมอบีก็ยังบอกว่าถูกทำของวันที่ 7 เดือนกันยายนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คนๆ นั้นทำของใส่พี่โน้ส แต่สุดท้ายต้องอยู่กับมันได้

อาจจะเพราะอานิสงค์จากการบวช ต่อมา หมอบีเผยถึงเรื่องนี้ในรายกา ทูตสื่อข่าว เนื่องจากมีแฟนๆ ที่ติดตามเมนต์เข้ามาถามกันเยอะ โดยยืนยันว่า โน๊ตเล่าเหตุการณ์วันนั้นไม่หมด แต่ตนไม่ได้โกรธโน๊ตวันนั้นตนก็ไปดูเดี่ยว13 เช่นกัน นั่งอยู่ในโซนเดียวกับ จา พนม เพียงแต่โน๊ตไม่เห็น ก่อนย้อนเล่าเรื่องราวว่า สิ่งที่เขาพูดบนเวที ก็คือพูดไม่หมด และที่ผมพูดได้ เพราะผมเป็นคนที่ถูกอ้างอิง

สิ่งที่พี่โน้สพูดก็ไม่หมด เพราะเขาบอกว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย และรีบกลับร้าน ซึ่ง ณ เวลานั้นร้านมันปิดแล้ว ผมไม่ได้กลับร้าน ผมไปกินข้าว และผมบอกวิธีการแก้ไปหมดแล้ว บอกข้อ 1-2-3 ว่าควรทำอะไร แต่พี่จะทำหรือไม่ทำก็เรื่องของพี่ ขนาดผมจะยกของให้พี่เขาฟรีๆ เขายังไม่เอาเลย พูดตรงๆ ผมกล้าพูด เพราะผมถูกอ้างอิง ผมบอกให้แก้อะไรบ้าง เขาบอกว่าไม่เอาของ

เพราะสิ่งที่ผมให้ไปมันไม่ตรงกับความเป็นอาร์ติสต์ของพี่เขา ผมก็แล้วแต่ สิ่งที่ผมพูดตอนนี้ ผมก็ยังแฮปปี้กับพี่เขานะ ถัดมาผมยังระบุวันว่าวันๆ นี้พี่ไปไหนมา ผมระบุวันที่ บอกเที่ยวบินด้วย ซึ่งมันย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อนด้วย บอกด้วยว่าพี่ไปกับใคร แต่เขาจำไม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ผมบอกแล้ว แต่สิ่งที่พี่เขาพูด เขาไม่ได้บอกว่าผมแนะนำอะไรไปบ้าง

และวันที่เขาแสดง ผมก็ไปนั่งดูอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เห็นผมล่ะมั้ง หลังจากนั้นทีมงานก็มาสัมภาษณ์หลังดูโชว์เสร็จ ผมก็ตอบเหมือนที่เล่าไปเมื่อกี้ แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร ผมยังจะชวนเขามางานอยู่เลย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะว่างไหม ของพวกนี้ก็ว่ากันไป ใครดูแล้วชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ มันก็แล้วแต่สิทธิ์ของแต่ละบุคคล เราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง

ไอ้ที่บวชผมก็แนะนำให้เขาไปบวช แต่การที่เขาไปบวชเขาก็อาจจะไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ผมเคยบอกไปแล้วก็ได้ ผมบอกให้บวช แล้วให้เป็น ก็ว่าไป สิ่งนั้นจะได้ไม่ตามต่อ หรือว่าให้เอาสิ่งหนึ่งไปไว้ที่บ้านก็ได้ หรือไม่ก็ไม่สนใจก็ได้ เขาก็ไม่ได้เลือกอะไร ก็เลยให้ไปหาว่าย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้วไปไหนมา จะได้เอาสิ่งนั้นกลับไปไว้ที่เดิม ก็บอกไป 4 อย่าง แต่อย่าไปซีเรียสอะไร ผมไม่ได้ซีเรียสอะไร

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ