กานต์ ประกาศชัด ตัดขาดลูกชาย ต่อจากนี้ เสือกับแม่ เป็นศัตรูกัน

กานต์ ประกาศชัด ตัดขาดลูกชาย ต่อจากนี้ เสือกับแม่ เป็นศัตรูกัน

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วนะครับ สำหรับ กานต์ วิภากร สุขพิมาย ภรรยาของร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ เสก โลโซ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีเรื่องมีราวกับลูกชายคนโต เสือ เสฏกานต์ สุขพิมาย จนถึงขั้นต้องร้องศาลกันไปกันมา กลายเป็นเรื่องยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน

ล่าสุดเหตุการณ์ดูจะบานปลายขึ้นไปอีก เมื่อเสือ ได้โพสต์ข้อความผ่านไอจี ระบุข้อความว่า บางคนชอบเล่านิทาน เล่าเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เล่าไปจนคิดว่าตัวเองอยู่ในนิทาน คิดว่านิทานที่เล่า มันเป็นเรื่องจริงแต่ที่จริงมันก็เป็นแค่นิทาน

ซึ่งนั่น ทำให้กานต์ ไม่ทนต่อข้อความตรงหน้า นำเอามาโพสต์ต่อในไอจี พร้อมกับเขียนข้อความด้วยถ้อยคำไม่สุภาพว่า ต้องการเล่นกับฉันเองนะ ฉันเอามาแชร์ ให้ชาวบ้านเข้ารู้กันไปเลยว่า

คุณทำอะไรกับฉันบ้าง คุณเคยเป็นลูกฉัน ฉันเคยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องเก่าที่คิดว่าเป็นเรื่องจริง ก็คือเรื่องเงินของฉันไง คุณเอาเงินของฉันคืนมาสิ ไฮโซสร้างโปรไฟล์หลอกคุณ หมดไปเท่าไหร่แล้วล่ะ

คุณบอกศาลว่าเดี๋ยวขอไปนับก่อน ว่าเงินเหลือเท่าไหร่ เอาคืนฉันมา ถ้าคิดว่าจะเป็นลูกผู้ชายจริง นี่คือเรื่องเก่าที่ฉันพูดแล้วพูดอีกจนเป็นนิทาน คนอย่างฉันอะ ถ้าฉันจะทำฉันทำไปนานแล้ว ที่ผ่านมาฉันให้โอกาสสำนึกผิด

มาขอขมาเพื่ออนาคตของตัวคุณเอง แต่ตอนนี้ฉันกับคุณตัดขาดกัน สามีของฉันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเหมือนกัน ถ้าเป็นคนอื่นใครแตะพ่อแม่เค้า โดนเขาจัดการไปนานละ มีแต่พวกคุณ ที่ส่งเสริมให้ชาวบ้านและทุกฝ่าย ต่อว่าแม่คุณทุกวัน

เสียดายส่งเสียไปถึงเมืองนอกเมืองนา เรียนชั้นสูงหมดเงินไปหลายสิบล้าน แต่ที่ได้กลับมาคืออะไรก็ไม่รู้ ฉันกับคุณเป็นศัตรูกัน ฉันจะไม่สงสารคุณอีกแล้ว แต่สำหรับคนที่คิดต่าง แค่อยากจะต่อว่าอยากจะสะใจ ไปให้ไกลเลย ฉันรำคาญ ไม่ต้องมายุ่งในพื้นที่ ฉันไม่ต้อนรับ

หลังจากนั้น กานต์ ก็ได้โพสต์ข้อความ ร่ายยาวเป็นจำนวน 10 ข้อ เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าอยากจะให้ทุกคนได้เข้าใจว่าทำไมตนถึงตัดขาดลูก ซึ่งในที่นี้เราจะกล่าวเฉพาะประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. ทรัพย์สินทุกอย่างบ้านสามสี่หลังเป็นชื่อเขา และตอนที่ตกลงกันตอนมีเรื่องใหม่ ๆ เขาตกลงที่จะเซ็นคืนทุกอย่าง รวมถึงเงินสดแต่เขาไม่คืนเขาหรอก ซึ่งไม่เข้าใจว่านิสัยนี้เกิดขึ้นได้ยังไง

2. เงินบิทคอยน์ก็โอนคืนให้ไม่ครบ ขาดอีก 4 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินของเราคนเดียวในการลงทุน

3. ยังมีคดีความที่ตำรวจเรียกสอบมูลค่า ทรัพย์สินของเรา 15.8 ล้านบาท ตำรวจเรียกสอบเพิ่ม แต่เขาไม่ทำเราเลย เลยให้เขาเซ็นมอบอำนาจให้ทนายไป ให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ แต่เขาไม่ยอมเซ็น

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ