
เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน พิธีกรรายการแฉงานเข้า ราชทัณฑ์จ่อเอาผิดปมคุก VIP
หลังจากเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ทางรายการแฉ ดำเนินรายการโดย มดดำ คชาภา ดีเจเชาเชา ชวลิต และดีเจดาด้า วรินดา ได้เชิญ ลีน่า จังจรรจา มาเป็นพิธีกรร่วมอีกครั้ง โดยมีการพูดถึงกรณีของนักแสดงสาว พิ้งค์กี้ สาวิกา พร้อมด้วยคุณแม่และพี่ชาย ที่ขณะนี้ถูกคุมขังในเรือนจำ ระหว่างรอพิจารณาคดี จากคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D
โดยมีบางช่วงบางตอนของรายการ ลีน่าจังได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า มีคนไปเยี่ยมคนที่อยู่ในเรือนจำพบว่า นายอภิรักษ์ โกฎธิ เจ้าของแชร์ลูกโซ่ FOREX-3D อยู่อย่างราชามีโทรศัพท์มือถือใช้ นั่งเทรดหุ้นในเรือนจำ
นอกจากนี้คนที่เขาเข้าไปเยี่ยม ก็ได้บอกว่าจะช่วยจัดหาทนายให้พิ้งค์กี้ แต่เจอผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า ปล่อยให้อยู่ในเรือนจำอะดีแล้ว เพราะหวังจะฮุบสมบัติทั้งหมด ทำเอาเหล่าบรรดาพิธีกรรายการแฉ ตกใจกันหนักมาก พร้อมกับพูดว่า นี่คนในครอบครัวนะ
ลีน่าจังเลยพูดต่อว่า มีคนจะเอาทนายเข้าไปช่วย ฝ่ายนั้นก็บอกว่า ไม่ต้องมายุ่ง ให้อยู่ในคุกดีแล้ว เพราะตัวเองมีรถเบนซ์ขับชีวิตสบายไม่ต้องทำอะไร เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ คิดจะฮุบสมบัติของพิ้งค์กี้
ล่าสุด นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการควบคุมดูแล และการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ซึ่งแนวทางและนโยบายของกรมราชทัณฑ์ในปัจจุบันยังคงถือระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิได้ให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งตามที่สังคมเข้าใจแต่อย่างใด
รวมถึงการใช้เครื่องมือสื่อสาร กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ไม่มีการให้ผู้ต้องขังคนใดมีเครื่องมือสื่อสาร หรือโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ภายในเรือนจำอย่างแน่นอน โดยกรมราชทัณฑ์มีมาตรการเข้มงวดในเรื่องของการตรวจค้นอย่างจริงจัง
ในกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวพาดพิงและหมิ่นประมาทกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการนำข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยมีการเผยแพร่เป็นแบบสาธารณะ ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับฟังข่าวสารเกิดความเข้าใจผิด และสงสัยในการทำงานของกรมราชทัณฑ์ อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 14 ทางกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
หลังจากที่เรื่องดังกล่าว ได้ถูกเผยแพร่ไปแล้วนั้น ก็ได้มีชาวโซเชียล เข้ามาคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนมาก เป็นการเข้ามาให้กำลังพิธีกรรายการแฉ เพราะมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ อยากให้ทางกรามราชทัณฑ์ไปตรวจสอบ มากกว่าที่จะมาแจ้งความแบบนี้
เรียบเรียง siamnews