ตามที่ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อให้สอดคล้องตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั้น กองทัพบก ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตทหาร ภายใต้โครงการ Army Land ดินแดนท่องเที่ยวในเขตทหาร

เพื่อเปิดบริการให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือร่วมกิจกรรมนันทนาการ ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้เพิ่มให้แก่ชุมชนทหารและครอบครัว รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และพิพิธภัณฑ์ทหาร

เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ความเป็นชาติไทย และเป็นสถานที่เชิดชูเกียรติของบรรพบุรุษที่พลีชีพเพื่อชาติ รวมถึงเป็นที่ศึกษาหาความรู้ และพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป

เพื่อเป็นการรำลึกเชิดชูเกียรติถึงคุณความดีของ จอมพลและมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ทางมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมเปิดประตู บ้านป่องนัก พิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมชีวประวัติของจอมพลและมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์ และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการศึกสงคราม และภาพถ่ายที่บอกเล่าเหตุการณ์สำคัญของมณฑลพายัพในอดีตไว้ ให้ผู้ร่วมพิธีได้เข้าเยี่ยมชมศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์

บ้านป่องนัก เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์และสมบัติของชาวลำปาง มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น อาทิเช่น บานหน้าต่างแบบแป้นเกร็ด จำนวน 250 บาน ช่องหน้าต่างมากถึง 469 ช่อง บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์บ้านเมือง การต่อสู้ การป้องกันรักษาประเทศของเหล่าทหาร

และความผูกพันของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีกับกองทัพและประชาชน เพื่อให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไปมากยิ่งขึ้น มณฑลทหารบกที่ 32 จึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม ความงดงามและมีคุณค่าได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.00 น.โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

โดยมณฑลทหารบกที่ 32 ดำเนินการดูแลสมบัติอันล้ำค่านี้ ร่วมกับชาวจังหวัดลำปางและชาวไทย ในการบูรณะปรับปรุง ซ่อมแซม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ให้ บ้านป่องนัก มีความงดงาม

และคงสภาพเดิมไว้ทุกประการ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ อันเกี่ยวเนื่องกับความเป็นเอกราชและความเป็นไทย ไว้ให้ลูกหลานสืบไป ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ โทร 0 5422 5941-3 ต่อ 72318 หรือเพจเฟซบุ๊ก บ้านป่องนัก พลับพลาที่ประทับแรม โรงทหารนครลำปาง 2469

ทั้งนี้โดย พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 กล่าวว่า บ้านป่องนัก ค่ายสุรศักดิ์มนตรีจังหวัดลำปาง สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2468 ด้วยสถาปัตยกรรมยุโรป ผสมไทย ตัวบ้านเป็นไม้สักทอง มีหน้าต่างจำนวนมาก ป่องเป็นคำเมือง แปลว่า หน้าต่าง นัก แปลว่า มาก บ้านป่องนัก จึงหมายถึง บ้านที่มีหน้าต่างจำนวนมาก ความสำคัญของบ้านป่องนัก กล่าวคือเคยเป็นพลับพลาที่ประทับของพระมหากษัตริย์ จำนวน 2 พระองค์ด้วยกัน คือรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ซึ่งท่านมาประทับแรมที่นี่ เมื่อปี พ.ศ 2469 และ ปีพ.ศ 2501 ตามลำดับ

บ้านป่องนักเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์บ้านเมือง การต่อสู้ ป้องกันประเทศของบรรดาเหล่าทหาร ความผูกพันที่สถาบันพระมหากษัตริย์มีต่อกองทัพ และประชาชนในพื้นที่มณฑลภายัพภาคเหนือได้เป็นอย่างดี บ้านป่องนักมีความสำคัญ เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของชาวจังหวัดลำปาง เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้เป็นที่รู้จัก

ทางมณฑลทหารบกที่ 32 จึงได้เปิดให้บ้านป่องนัก ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชมความงดงาม ความสวยงามและความมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 - 16:00 น ไม่มีวันหยุด และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น อนึ่งเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปาง และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามาเที่ยวชมบ้านป่องนักมากยิ่งขึ้น

มณฑลทหารบกที่ 32 จึงได้จัดทำโครงการประกวดภาพถ่ายบ้านป่องนัก ในหัวข้อ ที่ว่า "มุมรัก บ้านป่องนัก ค่ายสุรศักดิ์มนตรี" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้ามาเที่ยวชมบ้านป่องนัก และใช้โทรศัพท์มือถือของตนเอง ทำการบันทึกภาพบ้านป่องนัก ทั้งภายในหรือบริเวณโดยรอบบ้านป่องนัก และผู้ที่จะส่งภาพเข้าประกวดนั้น สามารถส่งภาพบ้านป่องนัก ได้คนละ 3 ภาพได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15 กันยายน

และจะมีการประกาศผลตัดสินภาพที่ประกวดชนะเลิศ ในวันที่ 21 กันยายน นี้นะครับ โดยรางวัลภาพที่ชนะเลิศนั้นจะมีเงินรางวัล 5,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 3,000 บาท รองชนะเลิศอันดับสอง 2,000 บาท มณฑลทหารบกที่ 32 ยินดี มีความต้อนรับประชาชนทุกท่าน อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้ามาเยี่ยมชมบ้านป่องนัก ค่ายสุรศักดิ์มนตรี สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง และพร้อมกันนี้เชิญพี่น้องประชาชนได้ทำการร่วมประกวดการถ่ายภาพบ้านป่องนักตามที่กล่าวไปแล้ว เขตทหารยินดีต้อนรับ พี่น้องประชาชนทุกท่านด้วยมิตรไมตรี และด้วยความยินดียิ่งครับ

ขอบคุณข้อมูล อัมรินทร์ วะนะวิเชียร ผู้สื่อข่าวจังหวัดลำปาง

เรียบเรียง siamnews