ผอ.ทัณฑสถานหญิง เผยอาการ พิ้งกี้-แม่ หลังนอนเรือนจำคืนที่2
จากกรณีพนักงานอัยการสำนักอัยการคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง นายกิตติเชษฐ์ หรือสรายุทธ ไชยเดช อายุ 41 ปี จำเลยที่ 1 น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ อายุ 36 ปี นักแสดงนางแบบชื่อดัง จำเลยที่ 2 นางสรินยา ไชยเดช อายุ 63 ปี มารดาของพิ้งกี้ กับพวกรวม 19 คน เป็นจําเลย ฐานกระความผิดโดยทุจริต
โดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง
จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียหายกว่า 9,824 คน และมีการกู้ยืมเงินรวมกันมีความเสียหายรวมกว่า 2,489 ล้านบาท และศาลไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวชั่วคราว เนื่องจากอัตราโทษสูง ทำให้จำเลยทั้ง 19 คน ต้องเข้าเรือนจำทันที
ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค. น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยว่า จากการนอนเรือนจำเป็นคืนที่สองของทั้งคู่ ได้รับรายงานว่านอนหลับได้ตามเวลา นอนหลับได้ตลอดคืน ไม่ลุกตื่นกลางดึกหรือกระสับกระส่าย
รวมทั้งไม่ได้มีการร้องขออะไร อาทิ อุปกรณ์ใดๆ ยืนยันว่าทั้งคู่ยังใช้ชีวิตปกติ รับประทานอาหารได้ปกติ ไม่มีภาวะทานอาหารไม่ลง ซึ่งมื้อเย็นวานนี้เป็นเมนูแกงเลียง และผัดผัก
และระหว่างวันพบว่าทั้งคู่ไม่มีความเศร้า หรือความเครียดในลักษณะที่ผิดปกติ รวมถึงไม่มีอาการร้องไห้ และด้วยความที่ในครั้งนี้ พิ้งกี้เข้ามาพร้อมคุณแม่และอีกหลายคน พบว่าพวกเขาก็ได้มีการพูดคุยกันในห้องกัก
น.ส.โศรยา เผยอีกว่า เมื่อวานนี้ได้รับรายงานว่า มีทนายความได้เข้ามาพบพิ้งกี้แล้ว โดยเป็นการพูดคุยผ่านทางวิดีโอคอลของไลน์ ซึ่งทนายความก็จะมีการสวมชุดป้องกันด้วย ตามมาตรการของราชทัณฑ์
ซึ่งการมาเข้าพบลูกความของทนายนั้น ถือเป็นสิทธิที่กระทำได้ จากนั้นพอทนายความพูดคุยเสร็จ ก็ไม่ได้มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานหรือร้องขออะไรแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ญาติจะมาเข้าเยี่ยม จำเป็นต้องรอให้พ้นจากระยะการกักก่อน
น.ส.โศรยา เผยต่อว่า หลังจากนี้เมื่อทั้งพิ้งกี้และแม่ครบกักตัว 5 วัน และหากมีผลตรวจ CV-19 เป็นลบ ทั้งคู่จะถูกนำตัวไปห้องกันชนอีก 7 วัน ซึ่งเป็นมาตรฐานของการกัก โดยห้องนี้จะมีความผ่อนคลายกว่าห้องกัก เนื่องจากผู้ต้องขังจะสามารถลงมาอาบน้ำ หรือทำกิจวัตรได้มากขึ้น จากนั้นเมื่อครบ 7 วัน จึงจะได้ย้ายไปอยู่รวมกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ
ขอบคุณ dailynews