จำได้ไหม ยายทองถูกลูกสะใภ้และหลานด่าทำร้ายร่างกายที่อุดร วันนี้หนีอีกแล้ว
ภาคสองยายทองต้องหนีอีกแล้วระหกระเหินไปอยู่กับหลานอีกคน วัย 81 ปีที่จ.อุดรธานี เคยถูกสะใภ้และหลานทำร้ายร่างกายเมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้บอกอึดอัดใจหนีจากบ้านหลานอีกคนหนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว ยายทองบอกอึดอัดใจเพราะบ้านเขามีหลายคนบ่นและจู้จี้กับยาย หลานสาวน้ำตาคลอเปิดใจทั้งสมเพศและสงสารตระกูลตัวเอง พร้อมรับยายทองไว้ดูแลเพราะเป็นน้องสาวของพ่อ แต่เจ็บใจทำไมลูกชายยายเป็นแบบนี้ ยายทองต้องระหกเร่ร่อนไปทั่ว
จำได้ไหมยายทองถูกลูกสะใภ้และหลานด่าและทำร้ายร่างกายที่อุดรวันนี้หนีอีกแล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยายทอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 81 ปีชาวบ้านบ้านสร้อยพร้าว ต.สร้อยพร้าว อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่เคยเป็นข่าวเมื่อปลายเดือนมิ.ย.65 ถูกลูกสะใภ้และหลานทำร้ายย่าวัย 81 ปีจนน่วมเหมือนไม่ใช่คนหลังจากไปอยู่กับลูกชายที่บ้านโนนสะอาด ต.ดอนหายโศก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อมามีหลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือยายทองได้อยู่กับหลานสาวอีกคนที่บ้านสร้อยพร้าว
ปรากฏว่าผ่านมาได้เดือนกว่า ยายทองต้องหนีอีกแล้ว โดยผู้สื่อข่าวทราบว่า ตอนนี้ยายทองได้หนีมาอยู่กับหลานสาวอีกคนที่เป็นลูกของพี่ชายยายทองในตัวอ.หนองหาน จ.อุดรธานี จึงเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง พบกับน.ส.มณีรัตน์ อายุ 48 ปีซึ่งเป็นหลานของยายทอง บอกว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ยายทองนั่งสามล้อเครื่องมาหา โดยบอกว่าจะขอมาอยู่ด้วย ตนเองก็ตกใจก็เห็นอยู่กับหลานอีกคนคือน้าอรทัยอยู่ดีๆ แต่จู่มาอยู่ที่นี่เพราะอะไร
ยายทอง บอกว่า ที่มาอยู่กับหลานคนนี้ หลานคนเก่าที่บ้านสร้อยพร้าวคนเก่าไม่ได้ไล่ แต่อยู่ไปก็อึดอัดใจและไม่เป็นแต่อยู่เพราะเขาบอกว่าบ้านหลังนั้นอยู่ด้วยกันหลายคน ยายดูแล้วเหมือนเขาจะลำบากใจที่ยายอยู่ที่นั่น ยายก็เลยหนีมาเอง ดูที่เขาพูดเขาบอกว่าลูกสะใภ้จะคลอดลูกแล้วอยู่กันหลายคน เขาก็บ่นอีกว่า ลำบากมากกับยายทอง จู้จี้จุกจิกยายตลอด ตอนนี้เริ่มแก่มากแล้ว ตาก็ฟ่าฟางมองไม่ค่อยเห็น สาเหตุที่มาอยู่ที่นี่ก็อยากจะมาอยู่กับหลานคนนี้ด้วย คงไม่กลับไปอยู่ที่เดิมแล้ว และจะไม่ไปอยู่กับลูกชายด้วย กลัวลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกายอีก ขอตายที่นี่เพราะอายุก็มากแล้ว ยายก็น้อยใจอยู่ทำไมชีวิตมาเป็นแบบนี้ต้องหนีไปอยู่ที่โน่นที่นี่กลัวหลานๆ เขาลำบากใจ ส่วนลูกชายและลูกสะใภ้ก็ทำร้ายร่างกาย เขาก็ไม่เคยถามหาหรือแวะมาหาเลยลูกชาย ถือว่าบุญกรรมทำดีมาเท่านั้นคงรับเป็นกรรมเวรของตัวเอง
ทางด้าน น.ส.มณีรัตน์ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นหลานของยายทอง เป็นลูกของพี่ชายยายทอง และยายทองเป็นอา วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมายายทอง นั่งสามล้อมาหาที่นี่โดยไม่รู้ตัว ขณะนั้นเองตนเองขายผักที่ตลาด สามีโทรมาบอกว่า ยายทองจะมาอยู่ด้วย แต่สามีไม่เห็นด้วยเพราะอยากให้ลูกชายเขารับลูกไปอยู่ด้วย ลำพังฉันก็ป่วยเป็นโรคมดลูกโตและเบาหวาน มีอาชีพขายผักในตลาดได้วันละ 200 บาท ลำบากใจมากที่ยายทองมาอยู่ด้วยเพราะกลัวไม่มีเงินพอที่จะซื้อกับข้าวกับน้ำให้ยาย เพราะทราบว่าหลานคนเก่าที่ยายอยู่ด้วยไม่เอาเอกสารคนพิการหรือบัตรผู้สูงอายุให้ยายมาด้วย หนูก็ลำบากใจที่จะให้ยายทองอยู่ด้วย เพราะทะเลาะกับสามี แต่ในฐานะเป็นหลานและยายทองเป็นน้องของพ่อ แต่หนูก็เสียใจอยู่ว่า ทำไมลูกชายยายทองทำกับแม่แบบนี้ ลูกทำไมชั่วมาก อัดอั้นตันใจมานาน ต้องให้แม่ต้องระหกระเหินไปอยู่กับคนนั้นทีคนนี้ที ลูกทำไมทำกับแม่แบบนี้ มีจิตสำนึกมั้ย ทั้งสมเพศและสงสารตระกูลตัวเองทำไมยายทองต้องเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายหากยายทองไม่มีที่ไปก็พร้อมจะรับยายทองอยู่ที่นี่จะหมดอายุขัย พูดไปน้ำตาคลอไป น.ส.มณีรัตน์หลานยายทอง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางอรทัย บุตรวงศ์ อายุ 53 ปีหลานของยายทองที่เคยรับปากว่าดูแลยายทองก่อนหน้า เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้ไล่ยายทองไปอยู่ที่อื่นแต่อย่างใด แกไปเอง คิดว่าด้วยยายทองอายุมาก ความจำสติแกชอบบ่นและพูดเยอะ และอยากไปหาหลานคนนั้นทีคนนี้ที ยืนยันไม่ได้ไล่แน่นอน ก่อนที่ยายจะไปตนยอมรับว่าว่าดุด่ายายทองอยู่ เพราะยายอุจจาระเรี่ยราด ตนเองก็บอกว่า ยายเอาอุจจาระใส่กระป๋องแล้วไปใส่โถส้วม เดี๋ยวจะราดน้ำให้ แต่ยายทองก็บอกว่า ไม่ได้อุจจาระ และคงน้อยใจอยากไปอยู่กับหลานคนอื่น จากนั้นวันที่ 12 สิงหาที่ผ่านมายายทองก็เหมารถไปหาหลานอีกคนที่อ.หนองหานทันที ส่วนเรื่องบัตรผู้สูงอายุและบัตรคนพิการตนเองเป็นคนวิ่งเดินเรื่องให้ และตนเองดูแลเรื่องเงินของยายทองจริงได้เดือนละ 2000 บาทตนเองเก็บไว้เอาไว้ซื้อกับข้าวให้ยายทอง หากจะเอาบัตรให้ยายทองไปด้วยคงอยากให้มีผู้นำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่อบต.มาเป็นสักขีพยานว่าเอาบัตรให้ไปแล้วให้หลานคนอื่นรับผิดชอบไป ไม่ใช่ว่า ไปอยู่ที่นั่นไม่ได้แล้วกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม หากจะให้ยายทองมาอยู่ที่นี่คิดว่าให้อยู่ตลอดไปคงไม่ได้ให้อยู่ชั่วคราวให้อยู่ได้อยู่ยายทองคงไม่กลับมาอีกแล้ว นางอรทัยกล่าวย้ำตอนท้าย